คุ้ยปมธุรกิจ ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ ?

คุ้ยปมธุรกิจ ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ ?

คุ้ยปมธุรกิจ ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่? ข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับดราม่าร้อน The iCon Group ที่กำลังถูกภาครัฐเข้าตรวจสอบเชิงลึกอยู่ หากมีมูลใดๆ อาจเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ถ้อยคำต่อไป

เงื่อนปมดราม่า “ดิไอคอนกรุ๊ป” (The iCon Group) กำลังตกเป็นกระแสร้อนแรง ตั้งแต่ในโซเชียลมีเดีย ลุกลามยันชีวิตจริง 

ล่าสุด วานนี้ (9 ต.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น “แม่งาน” ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อสางสารพัดคดีความเสียหายจากการเชิญชวนประชาชนร่วมลงทุน หมายรวมไปถึงกรณี “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่กำลังฉาวโฉ่ในช่วงเวลานี้ด้วย

โดยเบื้องต้นกรณีของดิไอคอนกรุ๊ป พล.ต.ท.อัคราเดช ได้สั่งการ ให้ บก.ปคบ.ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อรับแจ้งความจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและตกเป็นผู้เสียหาย ในวันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 12.00 น. จะลงพื้นที่ไปติดตามคดีด้วยตัวเอง

ดิไอคอนกรุ๊ป เป็นธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ และความงาม ภายใต้โมเดล “ซื้อมา-ขายไป” มีเหล่าดารา-อินฟลูเอนเซอร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย มาเป็นพรีเซนเตอร์จำนวนมาก โดยมี “พอลวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เป็นผู้ก่อตั้ง  

“พอล” หรือที่คนเคยร่วมงานเรียกว่า “บอสพอล” ได้รับความสนใจจนโด่งดังหลังจากมีวลีเด็ด “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ในการออกรายการวาไรตี้ รายการหนึ่ง พร้อมเล่าประวัติส่วนตัวโดยสังเขปว่า เคยต่อสู้ชีวิต ฝ่าฟันอุปสรรคมาเยอะ เคยเป็นเด็กเสิร์ฟ และพนักงานบริษัท ก่อนจะออกมาก่อร่างสร้างอาณาจักรธุรกิจ “ขายตรง” แบบทุกวันนี้ พร้อมกับอ้างว่า เปิดบริษัทมาเพียง 3 ปีกว่าๆ เท่านั้นแต่มียอดขายทะลุ 5,000 ล้านไปแล้วในปี 2564

สำหรับระบบการซื้อขายดิไอคอนกรุ๊ป ใช้ระบบดรอปชิพ ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องแพ็คสินค้า ไม่ต้องออกไปส่งของเอง สามารถซื้อขายผ่านมือถือเพียงเครื่องเดียว ด้วยระบบ E-payment gateway ภายใต้สินค้า BOOM โดยมีสินค้าอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 

นอกจากนี้ บริษัทแห่งนี้ ยังมีระบบสอนขายของออนไลน์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นมืออาชีพ และขายคอร์สอบรมต่าง ๆ แทบทุกเดือน

ที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว มาจากกลุ่มที่อ้างตัวเป็นผู้เสียหายจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจขายตรงของเครือข่ายดิไอคอนกรุ๊ป วิพากษ์วิจารณ์ว่า ธุรกิจนี้อาจเข้าข่าย “แชร์ลูกโซ่” หรือไม่ เพราะการเข้าร่วมลงทุนต้องมี “แม่ข่าย-ลูกข่าย” 

แถมยังต้องสั่งของมาสต็อกไว้จำนวนมาก แต่ไม่สามารถระบายออกไปได้ เพราะไม่มีตลาดให้ขาย ทำให้เงินที่ลงทุนไปเกิดความเสียหายจำนวนมาก บางรายหลักหมื่นหลักแสนบาท บางรายถึงหลักล้านบาท บางรายถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว หรือถึงอัตวินิบาตกรรมกันเลยทีเดียว

ล่าสุด วรัตน์พล ชี้แจงประเด็นร้อนนี้ว่า ธุรกิจของตัวเองดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง หากมีการดำเนินคดีก็พร้อมต่อสู้ตามกฎหมาย

“ผมอยากขอร้อง วิงวอนให้ทุกท่าน โปรดให้โอกาสผม และองค์กรได้พิสูจน์ตัวเอง ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะด่วนตัดสินกันนะครับ ขอบคุณครับ” วรัตน์พล ระบุ

สำหรับเครือข่ายธุรกิจของ "วรัตน์พล" กรุงเทพธุรกิจตรวจสอบพบว่า มีกรรมการและผู้ถือหุ้นอย่างน้อยใน 6 บริษัท 

โดยบริษัทที่สร้างรายได้และทำกำไรให้มากที่สุดคือ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดยในรอบ 5 ปีงบดุล ระหว่าง 2562-2566 บริษัทแห่งนี้มีรายได้รวมกว่าหมื่นล้านบาท กำไรสุทธิรวมกันนับพันล้านบาท

น่าสังเกตว่า ธุรกิจที่เหลือ ล้วนมีรายได้ หรือกำไรค่อนข้างน้อย ไม่ค่อยคุ้มทุน ได้แก่

  • บริษัท ดิ ไอคอน เวลเนส จำกัด
  • บริษัท ดิไอคอนการบัญชี จำกัด
  • บริษัท นิรมิตร โกลบอล จำกัด
  • บริษัท เดอะไอคอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด
  • บริษัท เฟรนด์ชิป ฟูลฟิลเม้นท์ จำกัด เป็นต้น

เมื่อ ส.ค.2567 วรัตน์พล เพิ่งเปิดบริษัทแห่งใหม่ชื่อ บริษัท ไอคอน ซูวีเนียร์ จำกัด แจ้งทำธุรกิจการขายปลีกสินค้าอื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่นบนแผงลอย โดยเขาเป็นกรรมการ และถือหุ้นใหญ่สุด ปัจจุบันยังมิได้แจ้งงบการเงิน สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวว่า มีการวางแผนปูทางทำธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้

ประเด็นที่น่าสนใจธุรกิจขายตรงแห่งนี้ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดไม่ได้ หากปราศจาก “ดารา-อินฟลูเอนเซอร์” เข้าไปเป็นพรีเซนเตอร์ 

โดยที่ผ่านมาหลายปี ปรากฎว่ามีนักแสดงชื่อดัง เข้าไปร่วมโปรโมตธุรกิจนี้จำนวนไม่น้อย 

ขณะที่ 3 “หัวเรือใหญ่” ที่ถูกแต่งตั้งเป็นผู้บริหาร และมีตำแหน่งแห่งที่ เรียกตัวเองว่า “บอส” 3 คน ได้แก่ 

1. “กันต์ กันตถาวร” หรือ “บอสกันต์” พิธีกรชื่อดัง นั่งแท่นตำแหน่ง CMO (Chief Marketing Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 

2. "มิน พีชญา วัฒนามนตรี" หรือ “บอสมิน” ดารานักแสดงชื่อดัง นั่งแท่นตำแหน่ง CCO (Chief Communications Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร 

3. "แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี" หรือ “บอสแซม” อดีตนักการเมือง อดีต สส. อดีตดารานักแสดงชื่อดัง นั่งแท่น CRO (Chief Research Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา และวิจัยผลิตภัณฑ์

โดยทั้ง 3 คน นอกเหนือจากเป็นผู้บริหารใน “ดิไอคอนกรุ๊ป” แล้ว ยังเปิดธุรกิจของตัวเองด้วย โดย “กันต์” มีธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการงานพิธีกร งานแสดง รวมอย่างน้อย 5 แห่ง รายได้รวมหลายสิบล้านบาท 

“แซม ยุรนันท์” เคยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท-หจก.อย่างน้อย 5 แห่ง แต่ทั้งหมดร้าง-เสร็จชำระบัญชีไปหมดแล้ว 

ขณะที่ “มิน พีชญา” ดาราสาว ทำธุรกิจตัวเอง และในครอบครัวอย่างน้อย 9 แห่ง และค่อนข้างประสบความสำเร็จ มีรายได้รวมหลักร้อยล้านบาท

ล่าสุด “แซม ยุรนันท์”  ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงรายละเอียดเรื่องดังกล่าว ยินดีช่วยเหลือกลุ่มบุคคลที่ประสบปัญหาเดือดร้อน โดยจะประสานงานกับบริษัทให้ แต่เขาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานบริษัทแห่งนี้แต่อย่างใด โดยยืนยันว่าตำแหน่งของเขา มีหน้าที่ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ต่างๆ เท่านั้น

ทั้งหมดคือข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับดราม่าร้อน “ดิไอคอนกรุ๊ป” ที่กำลังถูกภาครัฐเข้าตรวจสอบเชิงลึกอยู่ หากมีมูลใด ๆ อาจเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ถ้อยคำต่อไป