ตอกฝาโลง ‘นปช.’ แดงกระจุยกระจาย

5-6 ปีมาแล้ว องค์กร “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) มีสภาพที่เหลือแต่ชื่อ เนื่องจากแกนนำ นปช. แตกกระสานซ่านเซ็น แยกทางกันเดิน ตามวิถีการเมืองของแต่ละคน

มวลชนคนเสื้อแดงก็อ่อนแรง สลายตัวไปตามธรรมชาติ เหลือแค่เอฟซีเพื่อไทยที่สวมเสื้อสีแดง ไปร่วมกิจกรรมหรือฟังคำปราศรัยของพรรคเพื่อไทย

พลันที่นายกฯแพทองธาร เซ็นแต่งตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เหมือนเป็นการตอกฝาโลงองค์กร นปช.แบบไม่เหลือซาก

เมื่อ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาสาวไส้เกลอเก่าเสี่ยเต้นเสียเละเทะ ลามปามไปถึงเงินๆทองๆ

ที่น่าสนใจ ปฏิบัติการขยี้ซ้ำโดย เหวง โตจิราการ กัลยาณมิตรของเสี่ยเต้น แสดงให้เห็นว่า เหวง-ธิดา เลือกเส้นทางสายสีส้มชัดเจน 

ย้อนเส้นทาง 16 ปีของขบวนการเสื้อแดง โดยทักษิณ ของทักษิณ เพื่อทักษิณ มาจากการรวมตัวกันของวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจักรภพ เพ็ญแข ตั้งบริษัทพีทีวี ทำช่องทีวีดาวเทียม และพัฒนาไปสู่ม็อบพีทีวี สู้เพื่อทักษิณ 

เวลานั้น ม็อบพีพีทีวี มีนักการเมืองดังเมืองบุรีรัมย์ เป็นคนดูแล รวมไปถึงกลุ่มคนรักทักษิณทั่วภาคอีสาน 

ปี 2551 ม็อบพีทีวี ได้ยกระดับเป็น “แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” (นปก.) เปิดยุทธการบุกบ้านป๋าเปรม ตอนนั้น นปก.ยังไม่ได้สวมเสื้อแดง และใช้ผ้าโพกหัวสีเหลืองเสียด้วยซ้ำไป 

ปี 2552 ยุบ นปก. และจัดตั้งองค์กรใหม่ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ภายใต้การสนับสนุนของทักษิณ โดยมีการใช้สีแดง เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ และเป็นปฐมบทของ “คนเสื้อแดง”

กลางปี 2552 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เรียกว่าเป็นยุคทองของคนเสื้อแดง ที่มี “ตู่-เต้น” เป็นตัวละครหลัก

หลังการสลายชุมนุมที่ราชประสงค์ในปี 2553 ภายในขบวนการ นปช. เกิดความขัดแย้งทางความคิด หลายกลุ่มเริ่มไม่ยอมรับการนำของแกนนำบางคน

อย่างเช่น “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ แยกตัวออกจาก นปช.ไปตั้งกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) 

หลังรัฐประหาร 2557 แกนนำ นปช. ต่างทยอยขึ้นศาลในคดีค้างเก่าสมัยยุทธการโค่นอำมาตย์ และบางส่วนต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ

ช่วงเลือกตั้งปี 2562 จตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมกับ ยงยุทธ ติยะไพรัช และ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ตั้งพรรคเพื่อชาติ ตามแผนแตกแบงก์พันของนายใหญ่

ตอนทำพรรคเพื่อชาติ จตุพรยังปักหลักที่ชั้น 5 อิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยมีสำนักข่าวพีซทีวี เป็นกระบอกเสียง ผลิตคอนเทนท์การเมือง ผ่านช่องยูทูบและทีวีดาวเทียม

จากนั้น จตุพรแยกทางจากยงยุทธ และสงคราม หันไปสร้างสตูดิโอพีซทีวี แห่งใหม่ที่ซอยนวลจันทร์ รามอินทรา

ปี 2565 ตู่ สลัดทิ้ง นปช. และคนเสื้อแดง หันไปจับมือทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ จัดตั้งคณะหลอมรวมประชาชน จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่ประยุทธ์

ส่วน นปช.อีกสายหนึ่ง นำโดย เต้น ณัฐวุฒิ หอบหิ้ว วีระกานต์ มุสิกพงศ์, ธิดา ถาวรเศรษฐ, เหวง โตจิราการ และก่อแก้ว พิกุลทอง ออกจากอิมพีเรียล ลาดพร้าว ไปเปิดสำนักข่าวยูดีดีนิวส์ ที่อาคารเอเวอรี่ มอลล์ ถ.รัตนาธิเบศร์ ใกล้แยกแคราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อปลายปี 2561

กลางปี 2564 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ,จาตุรนต์ ฉายแสง และก่อแก้ว พิกุลทอง ได้เตรียมการเปิดตัว “พรรคเส้นทางใหม่” โดยมีการก่อสร้างสำนักงานพรรคในเนื้อที่ 2 ไร่ อยู่แถวปากเกร็ด

หลังกติกาเลือกตั้งเปลี่ยน จากบัตรใบเดียวเป็นบัตรสองใบ จาตุรนต์ ถอดใจ จึงล้มแผนสร้างพรรคเส้นทางใหม่ และหวนกลับเพื่อไทย เช่นเดียวกับณัฐวุฒิ ที่กลับไปรับตำแหน่ง ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย

ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566  ณัฐวุฒิยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

จบภารกิจเลือกตั้ง เต้นก็ไปเปิดร้านอาหาร “เยี่ยมใต้” ที่ย่านปากเกร็ด และประกาศวางมือทางการเมือง ขอทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟร้านอาหาร

ระหว่างนั้น เหวง โตจิราการ และธิดา ถาวรเศรษฐ์ ยังไปมาหาสู่กับเสี่ยเต้น เช่นเดียวกับ สส.เพื่อไทย ก็แห่ไปร้านเยี่ยมใต้ ราวกับเป็นสาขาพรรคแห่งใหม่ 

ชั่วโมงนี้ เต้นหวนคืนเพื่อไทย เพื่อร่วมงานกับอดีตแกนนำ นปช.อย่าง ก่อแก้ว พิกุลทอง,วรชัย เหมะ ,เชิดชัย ตันติศิรินทร์ และสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 

ขณะที่ “เหวง-ธิดา” นำพาสำนักข่าวยูดีดีนิวส์ (UDD News) เดินไปบนเส้นทางสายสีส้ม และยืนอยู่คนละฝั่งกับณัฐวุฒิ

ก่อนหน้านี้ มวลชนเสื้อแดงสายเพื่อไทย ได้โจมตีเหวง-ธิดา เป็น “แดงกินส้ม” ถึงขั้นจัดงานรำลึกวีรชนเสื้อแดงคนละเวที ทำบุญกันคนละวัด

ฟากฝั่ง ตู่ จตุพร หวนกลับไปหา “เพื่อนพ้องน้องพี่” ยุคพฤษภา 2535 และจับคู่ทนายนกเขา-นิติธร ล้ำเหลือ เดินหน้าล้มระบอบทักษิณ ภาค 2 

องค์กร นปช.ถึงคราวแตกแหลกละเอียด ตู่-เต้น-เหวง แกนนำระดับหัวแถวยืนอยู่คนละฝั่ง และเปิดศึกสาวไส้กันเอง