‘จิราพร’ เผย ดีเอสไอ ร่วมสางคดี ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ ลุยสอบ สินบนเทวดา สคบ.

‘จิราพร’ เผย ดีเอสไอ ร่วมสางคดี  ‘ดิ ไอคอน กรุ๊ป’ ลุยสอบ สินบนเทวดา สคบ.

“จิราพร” เผย คดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ผู้เสียหาย 504 ราย มูลค่า 118 ล้าน แจง “ดีเอสไอ” ร่วมตรวจสอบ จ่อตั้ง คกก.สอบปมคลิปเสียงหลุด อ้างติดสินบน เทวดา สคบ. 15 ต.ค.นี้ ดึงคนนอกร่วม หวัง โปร่งใส สั่ง สอบเอารางวัลคืน หากเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินกับผู้เกี่ยวข้องกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดให้เข้ามาร้องทุกข์ ขณะนี้มี 504 ราย ยอดความเสียหาย 118 ล้านบาท ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สคบ.ได้เข้าไปร่วมสอบสวนเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด วันสาร์-อาทิตย์ เราไม่ได้หยุดทำงาน เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. อยู่ทำงานกันถึงเวลา 23.00 น. มีผู้เข้ามาร้องทุกข์ต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า จำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษ หรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ แม้หลักเกณฑ์จะเข้าเงื่อนไข แต่การจะยกเป็นคดีพิเศษนั้นอยู่ที่การพิจารณาของดีเอสไอ ตอนนี้ดีเอสไอเข้ามาร่วมตรวจสอบ และผู้เสียหายไม่ว่าอยู่พื้นที่ใดสามารถร้องเรียนได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ของตนเอง และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599

เมื่อถามว่า มีกรณีคลิปเสียงปริศนาพาดพิง สคบ. อ้างมีการติดสินบนเทวดา สคบ. น.ส.จิราพร กล่าวว่า อยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานที่จะมาตรวจสอบ เพราะอยากให้คนนอกเข้ามาร่วม เพื่อให้โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด วันที่ 15 ต.ค.นี้ คงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว 

เมื่อถามถึง กรณีมีการมอบโล่รางวัลให้กับ ดิไอคอนกรุ๊ป กลายเป็นการการันตีบริษัท เรามีนโยบายกับเรื่องนี้อย่างไร น.ส.จิราพร กล่าวว่า บริษัทดังกล่าวได้บริจาคหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ในช่วงโควิด ปี63 และในช่วงการสัมมนาของคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร  สคบ.ส่งตัวแทนเข้าไปเป็นวิทยากรร่วม มีการเสนอชื่อรับรางวัลในปี 64 แต่เนื่องจากมีโควิด จึงมีการรับรางวัลในปี65 เป็นรางวัลในการสร้างสาธารณประโยชน์ ไม่ได้เป็นรางวัลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจแต่อย่างใด ตนจึงให้ สคบ.กลับไปดูข้อเท็จจริงว่าบริษัทนำรางวัลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เช่น ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าประกอบธุรกิจได้ดีจนได้รับรางวัล หากผิดลักษณะนี้จะขอให้เรียกรางวัลคืน

เมื่อถามถึง กรณีนักแสดงออกมาให้ข้อมูลว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์จะทำให้พ้นผิดหรือไม่ น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นสิทธิในการชี้แจง แต่ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีข้อหาที่ชัดเจนคงมีการขยายผลต่อไป 

“ธุรกิจเช่นนี้เคยมีปัญหาในอดีต และมีการพัฒนาตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป หน่วยงานราชการต้องพัฒนาตัวเองตาม สคบ.ก็เร่งทำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเองให้ชัดเจนที่สุด เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว ระยะยาวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาบูรณาการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น และดูกฎหมายบางตัวที่ล้าสมัยไม่ทันเหตุการณ์” น.ส.จิราพร กล่าว

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า ตนได้กำชับ สคบ. เราถือกฎหมายขายตรงและตลาดแบบตรง และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หากอนุญาตในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ต้องตรวจสอบอยู่ตลอด เพราะเท่าที่ดูเป็นลักษณะให้บริษัทแจ้งงบการเงินเข้ามา แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบเชิงรุก ตรงนี้อยากให้มีการแก้ไขในอนาคต