พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ พ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?

พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ พ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?

พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ ลุ้น ‘ปาฏิหาริย์’ออกพ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’ 2มิติเดิมพัน “เพื่อไทย-ประชาชาติ” เขย่าเรตติ้งด้ามขวาน

KEY

POINTS

  • การทวงคืนความยุติธรรมและเยียวยาบาดแผล 20ปีท่ามกลางคำถามที่ว่า หากล่วงเลยเที่ยงคืนวันที่ 25ต.ค.ไปและยังไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง18คนเข้าสู่กระบวนการ “เส้นทางเจรจาสันติภาพ” จะดำเนินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ 
  • 2วันมาตรา172 ปาฏิหาริย์กฎหมายดับไฟใต้ ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?
  • ยุค “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ที่มี “นายน้อย” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯปมไฟใต้จากที่เคยหลอกหลอน “ทักษิณ” ผู้เป็นพ่อจะกลับมาหลอนหลอก “ลูกอิ๊งค์” อีกครั้ง 
  • มิติการเมืองอาจเขย่าไปถึง “7ที่นั่งสส.” ประชาชาติ ที่อาจถูกลดทอนความเชื่อมั่นไปในคราวเดียวกัน
  •  2มิติเดิมพัน “เพื่อไทย-ประชาชาติ” เขย่าเรตติ้งด้ามขวาน

นับถอยหลัง 2วัน “คดีตากใบ” ก่อนสิ้นสุดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้  ท่ามกลางเสียงทวงถามที่ดังกึกก้องขณะนี้ ทั้งการนำตัว“18ผู้ต้องหา” ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นอดีตบิ๊กข้าราชการ และข้าราชการซึ่งยังมีตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันเข้าสู่กระบวนการเพื่อดำเนินคดี  

จำนวนนี้มี รวมไปถึง“บิ๊กอ๊อด”พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 และอดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งลาออกเพื่อตัดไฟลามทุ่งไปยังพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ 

ไม่ต่างจากการทวงคืนความยุติธรรมและเยียวยาบาดแผล 20ปีท่ามกลางคำถามที่ว่า หากล่วงเลยเที่ยงคืนวันที่ 25ต.ค.ไปและยังไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง18คนเข้าสู่กระบวนการ “เส้นทางเจรจาสันติภาพ” ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จะดำเนินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ 

มีข้อเสนอจากหลากหลายภาคส่วนทั้งนักวิชาการ สส.และสว.เห็นตรงกัน ถึงทางออกเพื่อดับไฟใต้ นั่นคือการใช้อำนาจคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตามบทบัญญัติมาตรา172 ของรัฐธรรมนูญ ในการตราพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ไม่ให้นับอายุความกรณีจำเลยหลบหนี

มาตราดังกล่าวระบุว่า ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัย สาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ พระมหากษัตริย์จะ ทรงตราพระราชกำหนดให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติก็ได้ การตราพระราชกำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้

พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ พ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?

ท่าทีของรัฐบาลต่อกรณีดังกล่าว “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พูดถึงข้อเสนอการใช้อำนาจตามมาตรา172 ว่า ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาอยู่ ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย

ไม่ต่างจาก “ทวี สอดส่อง”  รมว.ยุติธรรม ระบุว่า เรื่องนี้กระทรวงยุติธรรมเคยให้ศึกษา แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่มีกรรมาธิการจากทุกพรรคมาช่วยกันพิจารณา ยืนยันรัฐบาลไม่มีอคติ และจะพยายามติดตามจับกุม ซึ่งต้องถือเป็นบทเรียนของสังคมไทยอย่างหนึ่ง

ทว่าหากจับจังหวะของ “2บิ๊กรัฐบาล” ก็ยังไม่ชัดว่า จะมีการใช้ช่องทางปาฏิหาริย์กฎหมายเพื่อให้กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับก่อนพ้นเส้นตายวันที่25ต.ค.นี้หรือไม่ 

จะว่าไปประเด็นการออกพ.ร.ก.ในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน ตามมาตรา172 มีตัวอย่างเทียบเคียงที่ใกล้เคียงกัน เมื่อไม่นานนี้ คือในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงปลายรัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยออกร่างพ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ “กฎหมายอุ้มหาย” เพื่อขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับเฉพาะมาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 ออกไป 

จากเดิมให้มีผล120วันหลังประกาศราชกิจจานุกเบกษา ในวันที่ 22 ก.พ. 2566 ขยายไปเป็นให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1ต.ค.2568

เวลานั้นรัฐบาลอ้างเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขยายเวลาบังคับใช้มาตรา 22 -25 เนื่องจากจะต้องมีการปรับปรุงการดำเนินการ บทบาท และหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมระดับหน่วยปฏิบัติ

ทว่าในเวลาต่อมา สส.ในซีกรัฐบาล99คน ที่ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาดังกล่าว ได้เข้าชื่อผ่านประธานสภา ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยประเด็นไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง

กระทั่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 8ต่อ 1 วินิจฉัยว่า พ.ร.ก.ดังกล่าว ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม

ทั้งนี้หากพลิกบทบัญญัติมาตรา 172 ระบุขั้นตอนการออกพ.ร.ก. โดยให้อำนาจครม. เสนอพ.ร.ก.ต่อรัฐสภาโดยไม่ชักช้า เพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติ 

ทั้งนี้หากรัฐสภา “อนุมัติ” จะส่งผลให้พ.ร.ก.นั้นมีผลใช้บังคับต่อไป ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา

แต่หากเป็นกรณีที่รัฐสภา “ไม่อนุมัติ” จะส่งผลให้พ.ร.ก.เป็นอันนั้นตกไป จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ขณะเดียวกันมาตราดังกล่าวยังเปิดช่องให้สมาชิกรัฐสภาการส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยประเด็นความชอบด้วยกฎหมายอีกด้วย 

พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ พ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?

นับถอยหลัง 2วันสุดท้าย“คดีตากใบ”ก่อนสิ้นสุดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ แน่นอนว่าเสียงทวงถามถึงความรับผิดชอบและการทวงคืนความเป็นธรรมไปยังรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับคดีดังกล่าวโดยตรง ย่อมมีมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ 

อย่าลืมว่า จุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลไทยรักไทย ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ บางตัวละครวันนั้นกลับมายังมีบทบาทในวันนี้ 

จึงไม่แปลกที่ในยุค “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ที่มี “นายน้อย” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯปมไฟใต้จากที่เคยหลอกหลอน “ทักษิณ” ผู้เป็นพ่อจะกลับมาหลอนหลอก “ลูกอิ๊งค์” อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงทวงถามถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา 

พลิกม.172ดับไฟใต้‘คดีตากใบ’ พ.ร.ก. ฟื้นความเชื่อมั่น‘รัฐบาลแพทองธาร’?

หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “พรรคประชาชาติ” ซึ่งมีฐานเสียงและชูนโยบาบยปลายด้ามขวาน เวลานี้ มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา”อดีตหัวหน้าพรรค เป็นประธานรัฐสภา และ “ทวี สอดส่อง” ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นรมว.ยุติธรรม 

แน่นอนว่าทั้ง “วันนอร์” และ “ทวี” ถือเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในพื้นที่ปลายด้ามขวาน  

โดยเฉพาะ ช่วงปี 2535-2544 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของกลุ่มวาดะห์ ภายใต้ร่มธงพรรคความหวังใหม่มี “วันนอร์”  เด่น โต๊ะมีนาและอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนชายแดนใต้

ปี 2561 “วันนอร์” ชวน  “ทวี”อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. มาร่วมก่อตั้งพรรคประชาชาติ โดยขับเคลื่อนพรรคใหม่ สลัดภาพกลุ่มวาดะห์เดิม

ขณะที่การเลือกตั้งปี 2566 สมรภูมิ 3 จังหวัดชายแดนใต้  พรรคประชาชาติ ครองที่นั่งผู้แทนได้ถึง 7 ที่นั่ง

เช่นนี้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “แกนนำพรรคประชาชาติ” ย่อมรู้ดีถึงผลที่จะตามมาก หากปล่อยให้ “คดีตากใบ” หมดอายุความ ทิ้งไว้ซึ่งคำถามที่ไร้คำตอบ ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการได้ นอกเหนือจากในมิติการสร้างสันติสุข ที่ส่อแววเกิดชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ โหมไฟใต้จะลุกโชนแล้ว 

ในมิติการเมืองอาจเขย่าไปถึง “7ที่นั่งสส.” ประชาชาติ ที่อาจถูกลดทอนความเชื่อมั่นไปในคราวเดียวกันอีกด้วย   เป็นเช่นนี้ย่อมต้องจับตา นับถอยหลัง2วัน ที่เหลือจะมีปาฏิหาริย์ที่ที่จะมาช่วยดับไฟใต้ที่ส่อแววลุกโชนในเวลานี้หรือไม่?