‘พปชร.’ โมดิฟาย ฝ่ายขวา ปลุกไฟแค้น ต้านระบอบทักษิณ
การจัดกระบวนท่าของฝ่ายการเมืองตรงข้ามทักษิณ ยังต้องการปัจจัย เงื่อนไข และยังต้องพิสูจน์ความสำเร็จกันอีกนาน เพราะแนวร่วมที่กระจัดกระจาย กลุ่มทุนสำคัญมองว่าแนวทางนี้ และแนวทางข้างหน้ายังไม่ตอบโจทย์ พลังต่อกรจึงจำกัด
KEY
POINTS
- พลังประชารัฐ เดินหน้าชนรัฐบาลเพื่อไทย เต็มสูบ จนเริ่มมีคำถามถึงพรรคส้ม ที่เหมือนไม่ค่อยกล้าแตะ ทักษิณ-แพทองธาร เพราะดีลลับอะไรหรือไม่
- MOU44 ที่เด็กบ้านป่าทิ้งบอมบ์รัฐบาล กลายเป็นเผือกร้อนให้สังคมจับจ้อง
- การแบ่งขุมทรัพย์พลังงานในพื้นที่ซับซ้อนไทย-กัมพูชา มาพร้อมเงื่อนไขเรื่องเขตแดน การเดินหน้าเลยไม่ง่าย
- พลังประชารัฐ ที่จุดกระแสชาตินิยม ปลุกฝ่ายแค้นทักษิณ อาจหวังผลการเมืองกวาดต้อนฐานเสียงที่เคยหนุนพรรคที่สู้กับทักษิณ แต่วันนี้กลับไปซูเอี๊ยแทน
บทบาทของพรรคประชาชน ในฐานะฝ่ายค้านเบอร์1 เริ่มถูกมองด้วยความกังขาไม่น้อยในการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลว่าเอาจริงเอาจังแค่ไหน
สัญญาณที่เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด ก็นับตั้งแต่แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ การติดตามตรวจสอบเข้มข้นแบบยุคก้าวไกลขยี้ลุง วันนี้เหมือนหนังคนละม้วน
ด้อมส้ม หรือแม้แต่ฝ่ายการเมืองที่อยู่ตรงข้ามทักษิณ ชินวัตร กำลังมีคำถามดังขึ้นเรื่อยๆ พรรคประชาชน โดยผู้นำจิตวิญญาณ ไปดีลอะไรกับนายใหญ่แห่งเพื่อไทย จนฝ่อหรือไม่
เพราะการออกหมัดของพรรคส้ม เหมือนยั้งๆ ปล่อยไม่สุด กล้าๆกลัวๆ คล้ายต้องเกรงใจใครเป็นพิเศษ
ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายค้านแบบน่าเจ็บใจ หลังถูกเขี่ยพ้นวงโคจรอำนาจโดยผู้มีอำนาจตัวจริงของรัฐบาล
ตอนนี้ขุนพลพรรคลุงบ้านป่า ตั้งป้อมรบกับทักษิณ และเพื่อไทย เต็มอัตราศึก ถึงแม้พละกำลังจะอ่อนแรงยวบยาบลงไปมากพอสมควรก็ตาม
ประเด็นร้องยุบพรรคเพื่อไทย โดยธีรยุทธ สุวรรณเกษร ที่อ้างเหตุผลถูกทักษิณ ครอบงำ ก็ถูกมองเชื่อมโยงแกนนำพลังประชารัฐ หรือประเด็นล่าสุด เรื่องการเจรจาผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทยและกัมพูชา ตาม MOU44
พลังประชารัฐ ก็เป็นคนจุดพลุ จนถูกพูดถึงในวงกว้าง กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ปัดฝุ่นเอาเรื่องเก่าขึ้นมารีรัน ปลุกกระแสต้านรัฐบาลเครือข่ายชินวัตร
จุดสำคัญที่ทำให้เรื่องการเจรจาแบ่งขุมทรัพย์แหล่งพลังงานบนพื้นที่ทับซ้อน ขยายวง เพราะเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของประเทศ
ท่ามกลางการจับตามองว่าเรื่องนี้แอบอิงกับเงื่อนไขของผลประโยชน์ระหว่างครอบครัว2ผู้นำประเทศด้วยหรือไม่
โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องเขตแดนเข้ามาเกี่ยวข้อง และยังมีประเด็นเกาะกูดเข้ามาก็ยิ่งอีรุงตุงนัง เป็นประเด็นการเมืองขย่มรัฐบาลไม่เว้นแต่ละวัน
เป้าหมายของการหยิบเรื่องMOU44 และเกาะกูด ขึ้นมาของฝ่ายการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องการปลุกกระแสชาตินิยมขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล
พลังประชารัฐ ยุคนี้กำลังเดินไปบนเส้นทางนั้น วางบทบาทเป็นผู้นำในการต้านระบอบทักษิณภาคใหม่
เพราะถ้ามององคาพยพที่เคยต่อต้านทักษิณ อย่างเข้มข้นเอาเป็นเอาตาย ทั้งประชาธิปัตย์ หรือรวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้กลายร่างไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย เรียบร้อยโรงเรียนทักษิณ
บนกระดานการเมืองเวลานี้จึงฝากผีฝากไข้กับพรรคไหนให้มาสู้กับเครือข่ายทักษิณ แทบไม่ได้
จะเหลือก็แค่พลังประชารัฐ ที่ไม่มีอะไรจะเสีย ถึงซัดคู่ต่อสู้ไม่น็อค อย่างน้อยก็ขอให้หน้าช้ำ เลือดกลบปาก เดินกะเผลกก็ยังดี
ในทางการเมืองยังประเมินได้เช่นกันว่า การที่พลังประชารัฐ ตั้งท่าซัดกับเพื่อไทยและทักษิณ อาจหวังเก็บฐานเสียงคนไม่เอาทักษิณ ที่ผิดหวังจากความไว้วางใจสนับสนุนประชาธิปัตย์ และรวมไทยสร้างชาติ
จากบทบาทที่เคยวางตัวเป็นศัตรูทักษิณ สุดท้ายกลับไปซูเอี๊ยกับเขาหน้าตาเฉย
คีย์แมนทางการเมืองหลายคนในปีกตรงข้ามทักษิณ อาจจะมองเห็นช่องทางที่จะทำให้พลังประชารัฐไปต่อ หรือไม่หากต้องทำคลอดพรรคใหม่ ก็มีพื้นที่หรือจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น คือ ไม่เอาพวกซ้ายส้ม และทักษิณ หรือพวกก้ำกึ่งที่ต้องการมีอำนาจท่าเดียว
การจัดกระบวนท่าของฝ่ายการเมืองตรงข้ามทักษิณ ยังต้องการปัจจัย เงื่อนไข และยังต้องพิสูจน์ความสำเร็จกันอีกนาน เพราะแนวร่วมที่กระจัดกระจาย กลุ่มทุนสำคัญมองว่าแนวทางนี้ และแนวทางข้างหน้ายังไม่ตอบโจทย์ พลังต่อกรจึงจำกัด
แต่ถ้าเกมเปลี่ยน สถานการณ์เข้าทางฝ่ายแค้นทักษิณ ก็อาจพลิกเกมชิงความได้เปรียบขึ้นมาในวันหนึ่งก็ได้