ภูมิธรรม ลุย เจรจาพื้นที่ทับซ้อน ชี้ ทักษิณ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจกัมพูชาแค่อดีต
"ภูมิธรรม" ตรวจเยี่ยม "นปก.เกาะกูด"ดินแดนไทย ย้ำ "ยุคบิ๊กตู่" ใช้ เอ็มโอยู44 กลไกเจรจา ติงการเมืองคำนึงประโยชน์ชาติ ลั่น เขตแดนไม่ใช่ของเล่น แจง "ทักษิณ" นั่งที่ปรึกษาเศรษฐกิจกัมพูชาจบนานแล้ว ย้ำ ตั้ง JTC รัดกุมป้องครหาทำเพื่อบางกลุ่ม
9 พ.ย.2567 ที่ หน่วยปฎิบัติการเกาะกูด (นปก.) จ.ตราด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของกำลังพล พร้อมกล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า มาตรวจเยี่ยมและดูความเป็นอยู่ของกำลังพลในพื้นที่ เพื่อให้สามารถปฎิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพเต็มที่ หากขาดเหลืออะไรขอให้แจ้งไปยังหน่วยที่เกี่่ยวข้อง สิ่งใดที่ดำเนินการแก้ไขได้ ตนจะผลักดันเต็มที่
การเดินทางลงพื้นที่วันนี้ ตนมายืนยันว่า เกาะกูดเป็นของประเทศไทย มีหน่วยงานราชการ ประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนถึงกำลังพลของกองทัพเรือที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ เพราะที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดของคนบางกลุ่มในประเทศที่รู้สึกว่ามีปัญหา MOU44 ที่กัมพูชาลากเส้นมาและมีแนวเกาะกูดอยู่ตรงนั้นด้วย ถือเป็นการประกาศอ้างไหล่ทวีปขยายอาณาเขตตัวเองออกไปในปี 2515 ในขณะที่ปี 2516 ไทยได้ประกาศไหล่ทวีปเส้นเขตแดนของเราเช่นกัน ทำให้มีเส้นทับซ้อนที่ต้องเจรจากันยึดกฎหมายระหว่างประเทศทางทะเล แต่ตนยืนยันได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ยังเป็นของไทย และกัมพูชาไม่เคยพูดเรื่องนี้ และยอมรับโดยปริยาย เพราะฉะนั้นการขีดเส้นที่เคยคุยกันปี 2549 เว้นเกาะกูดเอาไว้ เพียงแต่เราอยากให้เส้นนี้ขยายออกไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน
จากนั้น นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางลงพื้นที่วันนี้ในฐานะรองนายกฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม พื้นที่นี้เป็นอธิปไตยของไทย มีกองทัพเรือรับผิดชอบทั้งบนบกและทะเล การลงพื้นที่เนื่องจากมีความไม่เข้าใจเอ็มโอยู44 และพื้นที่เกาะกูด หากมองไปรอบๆจะเห็นได้ว่าเกาะกูดมีธงชาติไทยอยู่อริเวณรอบๆ รวมถึงกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ใช้ป้องกันประเทศ อีกทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนทางผู้บังคับหน่วยระดับสูงของไทย-กัมพูชาไปมาหาสู่กัน ผลัดกันมาเยี่ยมเยือน และร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีอะไรวิกฤติหรือน่ากังวล ยืนยันว่าที่นี่มีความสงบสุข มั่นคงปลอดภัย
ทั้งนี้ นปก.เกาะกูด นอกจากดูแลอธิปไตยประเทศแล้ว ยังทำหน้าที่ดูแลการเหตุทางทะเล อีกทั้งประชาชนในพื้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องการพิสูจน์สิทธิ หลายพื้นที่เป็นเขตอุทธยานพิสูจน์สิทธิได้พอสมควรแล้ว อาจต้องเร่งคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ เพื่อใช้ วันแมพ ซึ่งมีความคืบหน้ามาตามลำดับ และจากที่ตนได้ประชุมเพิ่มงบประมาณส่งเสริมให้กรมแผนที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้ให้สำเร็จเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ส่วนจะต้องปรับปรุงเอ็มโอยู 44 หรือเปลี่ยนใหม่เพราะมองว่าผ่านมาหลายปีแล้วการเจรจาไม่สำเร็จนั้น ที่ว่าไม่สบายใจต้องไปดูว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะเอ็มโอยู44 ไม่ได้พูดถึงผลประโยชน์อะไร เพียงแต่ระบุว่ามีพื้นที่ทับซ้อนที่อยู่ในกฎหมายทะเล และเอ็มโอยู44 ขอให้มาดำเนินการในเรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้อย่างสันติ เวลาจะผ่านไปกี่ปี เอ็มโอยู44 เป็นกลไกที่สำคัญ ทั้ง กองทัพ กระทรวงต่างประเทศ กรมสนธิสัญญา เห็นตรงกันว่ากลไกนี้มีความสำคัญ แม้แต่ นายกษิต ภิรมณ์ อดีต รมว.ต่างประเทศ อดีตทหารเรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นประธานคณะกรรมการร่วมเทคนิคฝ่ายไทย สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องนี้เดินหน้าต่อเนื่องมาในทุกรัฐบาล
กรณียุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกษิต พูดชัดเจนไม่ใช่ว่า เอ็มโอยู 44 ไม่มีประโยชน์ เพียงแต่ขณะนั้น รัฐบาลไม่พอใจสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา แทรกแซงหรือไม่ จึงแสดงออกด้วยการตอบโต้ ไม่มีผลอะไร เพราะไม่ได้เข้าสภา หรือยกเลิก และทางกัมพูชาไม่ได้ยกเลิกด้วย มาถึงยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ดำเนินการต่อ เรื่องนี้หากใช้วิจารณญาณให้ครบถ้วนจะเห็นได้ว่าไม่มีปัญหาอะไร ตนกังวลเรื่องเดียวอย่าให้เอาผลประโยชน์ของพรรคการเมืองที่กำลังต่อสู้กัน หรือ แสดงออกด้วยกันกระทบผลประโยชน์ประเทศชาติ เพราะเรื่องอธิปไตยหรือเขตแดนไม่ใช่ของเล่นเฉพาะคนบางส่วน อยากให้คำนึงผลประโยชน์คนไทยเป็นสำคัญ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับการลงพื้นที่เกาะกูดวันนี้ ท่ามกลางการต่อต้านของฝ่ายการเมืองและประชาชนบางกลุ่มนั้น ตนในฐานะผู้รับผิดชอบการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ควรมาดูพื้นที่ที่จะเจรจากันเท่านั้นเอง และมีภารกิจเยี่ยมกำลังพลอยู่แล้ว ถือโอกาสนี้ ส่วนการตั้งคณะกรรมการร่วมเทคนิคฝ่ายไทย (JTC) เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ตามที่นายกฯได้ระบุไปแล้ว ขณะนี้นายกฯไปปฎิบัติราชการต่างประเทศ แต่ระหว่างนี้ทางกรมสนธิสัญญา กระทรวงต่างประเทศนำร่างเดิมมาดูแล้วปัดฝุ่น ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการโดยตำแหน่งเกี่ยวข้องเขตแดน กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายทะเล แต่พยายามให้เพิ่มสำนักงานกฤษฎีกา อัยการสูงสุด สภาพัฒน์ ครอบคลุมมากขึ้น จะได้ไม่รู้สึกว่ากระทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่ง รัฐบาลแคร์เรื่องนี้ ไม่ต้องห่วง
ส่วนกรณีสมเด็จฮุนเซน เคยแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจกัมพูชานั้น เรื่องนี้ไม่มีปัญหา คิดว่าจากการสำรวจเสียงต่อต้านที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองที่ต่อสู้กันมา กรณีนายทักษิณ เกือบ 20 ปีมาแล้วที่ได้รับการแต่งตั้ง และนายทักษิณยังเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจประเทศอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา เพราะเห็นว่านายทักษิณประสบความสำเร็จแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลายประเทศเชิญไป แต่ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นปัญหา และจบภาระกิจไปแล้ว เรื่องธรรมดา อย่ากังวลและไปปลุกกันมาทุกเรื่อง ส่วนนายกฯจะเดินมางมาเกาะกูดหรือไม่นั้น คงต้องสอบถามนายกฯอีกครั้ง เพราะภารกิจมีมาก หากมาได้ ท่านคงมา อย่างน้อยในฐานะคณะรัฐมนตรี ตนรับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ เหมือนตัวแทน ครม. ทั้งคณะอยู่แล้ว