‘พิชัย’ อ้าง รู้จากข่าว ‘กิตติรัตน์’ ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ เผย ยังไม่ได้รับมติ
“พิชัย” เผย ไม่รู้ “กิตติรัตน์” นั่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” หรือไม่ อ้างแค่เห็นจากข่าว ยังไม่ได้รับมติ ชี้ กม. เขียนชัด ต้องทำหน้าที่อย่างไร
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ เป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือไม่ ว่า ตนยังไม่ทราบ เพียงแต่ทราบตามข่าวเหมือนทุกคน และเห็นช้ากว่าคนอื่นด้วย เพราะขณะนั้นติดประชุมอยู่ ขณะนี้ยังไม่ได้รับมติรายชื่อดังกล่าว ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาคงแจ้งมาที่ตน และรอดูว่าจะสรุปผลมาให้อย่างไร
เมื่อถามว่า รายชื่อเป็นไปตามข่าวหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าคณะกรรมการสรรหาคงไม่บอกใคร ตนก็เห็นตามข่าวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็รอตามขั้นตอนของกฎหมาย มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
เมื่อถามว่า หากเป็นชื่อนายกิตติรัตน์ จะต้องรับแรงกระแทก และถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะหน้าที่ถูกเขียนในพ.ร.บ.ชัดเจน ว่าประธานบอร์ดและบอร์ดแบงก์ชาติต้องทำหน้าที่อย่างไร และของเดิมแบ่งหน้าที่ไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ดูแลอะไร และ 4 ชุดที่เหลือมีหน้าที่อะไร ฉะนั้น ทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจนและมีความเป็นอิสระ
เมื่อถามว่า หากนายกิตติรัตน์เริ่มทำงานในตำแหน่งจะเป็นอย่างไรต่อ นายพิชัย กล่าวว่า ถ้านายกิตติรัตน์ นั่งทำหน้าที่ตรงนั้นก็ต้องทำหน้าที่ให้กับ ธปท. ยืนยันว่าใครทำหน้าที่ไหน ก็ต้องปฎิบัติหน้าที่ให้ที่นั่น ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ
เมื่อถามว่า การทำงานของรัฐบาลและธปท.จะง่ายขึ้นหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ในส่วนรัฐบาลก็คือตน ซึ่งตนทำงานง่ายอยู่แล้ว และไม่มีปัญหา เพราะเชื่อว่าในความเป็นประเทศ รัฐบาลดูเรื่องคลัง และแบ่งหน้าที่เรื่องเงินในภาพใหญ่ให้ ธปท.ดู และเมื่อดูแล้วก็พยายามปรับจูนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้น หากมีการพูดคุยกันบ่อยขึ้น มันจะจูนเข้าหากัน
เมื่อถามว่า เป็นชื่อนายกิตติรัตน์ จะถือว่าเป็นแต้มต่อหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เราไม่ได้สู้กัน แต่เราทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่า จะเป็นการลดช่องว่างเรื่องนโยบายระหว่างกระทรวงการคลัง และ ธปท.ใช่หรือไม่ นายพิชัย ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
เมื่อถามต่อว่า จะมีผู้ไปร้อง รมว.คลัง หากเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ และไม่ได้มีการพูดถึงคุณสมบัติ และคิดว่ากระทรวงต้องทำหน้าที่ตามที่ควรทำ