เดินสายอีสาน ฟื้นแดงเพื่อไทย ‘นายใหญ่’รีแบรนด์ แลนด์สไลด์
ต้องจับตาว่า กระแส “ทักษิณ” จะพุ่งแรงหรือตกฮวบ เนื่องจากผลเลือกตั้งปี 2566 เป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า “คนอีสาน” ปันใจให้ “สีส้ม”ไปแล้ว เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจนกว่า“แดงทักษิณ”
KEY
POINTS
- การเดินทางไป จ.อุดรธานี ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ไม่ใช่แค่ช่วยหาเสียงให้ “ศราวุธ เพชรพนมพร” แต่ก้าวแรกของการฟื้นพลังคนเสื้อแดงอีสาน
- สมรภูมิอีสานปี 2566 “เพื่อไทย” พ่ายแพ้หนักให้พรรคคู่แข่ง เมื่อภารกิจของ “ทักษิณ” คือการฟื้นความนิยมของ “เพื่อไทย” จึงต้องหาจุดพลิกกระแส
- ต้องจับตาว่า กระแส “ทักษิณ” จะพุ่งแรงหรือตกฮวบ เนื่องจากผลเลือกตั้งปี 2566 เป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า “คนอีสาน” ปันใจให้ “สีส้ม”ไปแล้ว
การเดินทางไป จ.อุดรธานี ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ไม่ใช่แค่ช่วยหาเสียงให้ “ศราวุธ เพชรพนมพร” ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี หากแต่เป็นการฟื้นพลังคนเสื้อแดงอีสาน ผ่านอุดรธานีโมเดล
ในช่วงที่ “พรรคไทยรักไทย-พรรคพลังประชาชน-พรรคเพื่อไทย” คว้าชัยในสนามเลือกตั้ง พื้นที่ภาคอีสานคือสมรภูมิหลักที่ “ตระกูลชิน-ค่ายสีแดง” ยึดหัวหาดเอาไว้ได้
ทว่า สมรภูมิอีสานปี 2566 “เพื่อไทย” พ่ายแพ้หนักให้พรรคคู่แข่ง เมื่อภารกิจของ “ทักษิณ” คือการฟื้นความนิยมของ “เพื่อไทย” จึงต้องหาจุดพลิกกระแส โดยหวังใช้ “อุดรโมเดล”ฟื้นชีพแดงรักนายใหญ่อีกรอบ
อย่างที่รู้กัน การเลือกตั้ง สส. ปี 2566 เฉพาะสมรภูมิภาคอีสาน “เพื่อไทย” ยังครองแชมป์ สส. อยู่ แต่จำนวน สส. ลดลงอย่างน่าใจหาย และถูกพรรคคู่แข่งเบียดแย่งไปได้มากถึง 58 ที่นั่ง
จำนวน สส.ภาคอีสาน มีทั้งหมด 133 ที่นั่ง แยกเป็นเพื่อไทย 75 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 35 ที่นั่ง ประชาชน(ก้าวไกล) 7 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 6 ที่นั่ง ไทยสร้างไทย 5 ที่นั่ง ไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 2 ที่นั่ง และชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง
“เพื่อไทย” วางเป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ แต่การพ่ายในสมรภูมิอีสาน ได้มาเพียง สส. 75 ที่นั่ง ไม่ทะลุเกิน 110 ที่นั่ง ตามเป้าหมาย ทำให้พ่ายแพ้การเลือกตั้งทั้งประเทศให้กับ“ค่ายสีส้ม” ถือว่าเป็นความตกต่ำของแบรนด์ทักษิณ ในรอบ 20 กว่าปีนี้
จึงไม่แปลกที่ “นายใหญ่” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า จึงใช้ภารกิจออนทัวร์อุดรธานี ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย.2567 เป็นบททดสอบเรตติ้ง และทำการตลาดปลุกแบรนด์ “พ่อใหญ่แดนอีสาน” คนเดิม
ในช่วง “แดงทักษิณ” ฟีเวอร์ “อุดรธานี” ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” แกนนำระดับหัวหมู่ทะลวงฟัน มีถิ่นฐานอยู่เมืองอุดรธานี
ไล่มาตั้งแต่ “ขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดร “อานนท์ แสนน่าน” ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง “พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์” แกนำ นปช.อุดรฯ สายฮาร์ดคอร์ “รัตนาวรรณ สุขศาลา” แดงวิทยุชุมชน และ “หงษ์ทอง ดาวอุดร”
ย้อนไปเมื่อ 22 ส.ค.2566 พรรคเพื่อไทยจับขั้ว 2 พรรคลุง “หงษ์ทอง ดาวอุดร” อดีตดีเจวิทยุชุมชนเสื้อแดงอุดร โพสต์คลิประบายความในใจว่า สู้เพื่อทักษิณ จนติดคุกติดตะราง นึกไม่ถึงว่าเพื่อไทย จะไปดึงพรรคขั้วเผด็จการมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล
คนเสื้อแดงเมืองอุดรฯ จำนวนไม่น้อยที่คิดเหมือนกับ “หงษ์ทอง ดาวอุดร” และพวกเขาเหล่านี้ เลือกทางสายใหม่เป็นสมาชิกพรรคประชาชน
ส่วน “อานนท์ แสนน่าน” ทิ้ง “ทักษิณ” หันไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รัตนาวรรณ สุขศาลา ก็ไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทุกวันนี้ “ขวัญชัย ไพรพนา” นั่งบริหารสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ชมรมคนรักอุดร ที่สถานีวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์ FM 97.50 MHz บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี
ปี 2562 ขวัญชัยผลักดันให้ภรรยา อาภรณ์ สาราคำ เป็น สส.อุดรธานี เขต 4 และเลือกตั้งปีที่แล้ว ลูกชาย กรวีร์ สาราคำ ได้รับเลือกเป็น สส.อุดรธานี เขต 5 แทนมารดา
“ขวัญชัย” ยังเป็นแกนนำแดงอุดรฯคนเดียวที่ภักดีนายใหญ่และไปเดินสายขึ้นเวทีหาเสียงช่วย “ศราวุธ เพชรพนมพร” ว่ากันว่า “ขวัญชัย” ตระหนักดีว่า คนเสื้อแดงแบบเดิมได้หายไปเกือบหมดแล้ว เหลือเฉพาะแดงที่เป็นฐานเสียง สส.เพื่อไทยเท่านั้น
สถานีต่อไปของ “ทักษิณ”โฟกัสสนามเลือกนายก อบจ. อุบลราชธานี “เพื่อไทย” ส่ง “กานต์ กัลป์ตินันท์” อดีตนายก อบจ.สมัยที่แล้ว น้องชายของ “เกรียง กัลป์ตินันท์” อดีต รมช.มหาดไทย แข่งกับ “มาดามกบ” จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล เจ้าแม่โรงแป้งมัน ลงชิงในนามพรรคเพื่อไทรวมพลัง
สนามชิงเมืองอุบลฯ ต้องวัดใจ “นายใหญ่” จะลงพื้นที่หาเสียงให้ “กานต์” หรือไม่ เนื่องจากฝั่ง “จิตรวรรณ” แม้จะสังกัดพรรคเพื่อไทยรวมพลัง แต่อยู่ใต้ชายคา “เพื่อไทย” เช่นกัน
สถานการณ์ “มวลชนเสื้อแดงอีสาน” กลับเข้าสู่โหมด “คนรักทักษิณ” เหมือนช่วงชุมนุมต้านพันธมิตรฯ ปี 2548-2550 ต่อยอด “แดงรักนายใหญ่” เป็นกำลังหลักในการเลือกตั้ง
ต้องจับตาว่า กระแส “ทักษิณ” จะพุ่งแรงหรือตกฮวบ เนื่องจากผลเลือกตั้งปี 2566 เป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า “คนอีสาน” ปันใจให้ “สีส้ม”ไปแล้ว เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองชัดเจนกว่า“แดงทักษิณ”