‘ทักษิณ-ธนาธร’ ออกรบ ชิงแนวร่วม ‘สวิงโหวต’ วัดกำลัง ‘แดง-ส้ม’ รากหญ้า
ผ่าแนวรบ 'ส้ม-แดง' สมรภูมิเดือด 'นายก อบจ.อุดรธานี' แม่ทัพ 'ทักษิณ-ธนาธร' เปิดหน้าออกรบ ชิงแนวร่วมเสียง 'สวิงโหวต' วัดกำลัง 'แดง-ส้ม' รากหญ้า
นับเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิเดือด สำหรับศึกเลือกตั้ง “นายก อบจ.อุดรธานี” เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่จังหวัดแห่งนี้ถูกเรียกขานว่า “เมืองหลวงคนเสื้อแดง” ทว่าทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ภายหลัง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ก่อร่างสร้าง “พรรคอนาคตใหม่” เมื่อปี 2561 เป็นต้นมา บรรดา “คนเสื้อแดง” สายอุดมการณ์จำนวนไม่น้อย เริ่มเปลี่ยนมาสวม “เสื้อส้ม” คงเหลือไว้แค่ “แดงรักทักษิณ” ที่ย้ายไปสังกัด “ครอบครัวเพื่อไทย”
ปัจจุบัน “พรรคเพื่อไทย” มี “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี กุมบังเหียน ส่วน “พรรคส้ม” ถูกเปลี่ยนมือมา 3 พรรค ขณะนี้อยู่ภายใต้ชื่อ “พรรคประชาชน” (ปชน.) มี “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค “ศรายุทธิ์ ใจหลัก” เพื่อนซี้ “ธนาธร” เป็น “แม่บ้าน” นั่งเลขาธิการพรรค
โดยสนามการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ถูกจับตามองว่าเป็นคู่ชิงอยู่ 2 คน ได้แก่ “ทนายแห้ว” คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจาก ปชน. และ “ป๊อป” ศราวุธ เพชรพนมพร อดีต สส.อุดรธานี ผู้สมัครจาก “เพื่อไทย” โดยทั้ง 2 คน มีผู้ช่วยหาเสียงระดับ “บิ๊กเนม” ลงพื้นที่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันกาบัตร 24 พ.ย.นี้ด้วย
เริ่มจาก “สส.ป๊อป” มี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯผู้มากบารมีในหมู่ “คนเสื้อแดง” มาขึ้นเวทีปราศรัย โดยนับเป็นการขึ้นเวทีครั้งแรกในรอบกว่า 18 ปีของเขา หลังจากหลบหนีคดีไปต่างประเทศ และเพิ่งกลับไทยมารับโทษทัณฑ์เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา
(ทักษิณ และศราวุธ เพชรพนมพร ปราศรัยหาเสียงชิงนายก อบจ.อุดรธานี)
ด้าน “ทนายแห้ว” แม้ “พรรคส้ม” จะขนสารพัดขุนพลมาลงพื้นที่ เช่น “ณัฐพงษ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค “ชัยธวัช ตุลาธน” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล “พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ก็ตาม แต่ไฮไลต์สำคัญกลับถูกจับจ้องไปที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่บินกลับจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงครั้งนี้โดยเฉพาะ
ประเด็นที่น่าสนใจ สาเหตุหลักที่ “พรรคส้ม” ต้องดึง “พิธา” กลับขึ้นสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง สะท้อนให้เห็นว่ากระแส “เท้ง ณัฐพงษ์” อาจยังไม่เข้าตาในฐานะหัวหน้าพรรคหรือไม่?
แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ก่อนจะเกิดกระแสดราม่า “ส้ม” นำ “แดง” ตาม “อุดรโพล” ที่แม้อธิการบดี มรภ.อุดรธานี และคณะวิทยาการจัดการ จะออกมาชี้แจงว่า โพลดังกล่าวไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยก็ตาม โดยเป็นการจัดทำของ “นักศึกษา” ที่เรียนวิชานิเทศศาสตร์เท่านั้น แต่โพลดังกล่าวก็สะท้อนนัยสำคัญถึง “กระแสนิยม” ของ “ค่ายแดง” เนื่องจาก 36.2% สนใจจะเลือก “คณิศร” ส่วน 15.2% สนใจเลือก “ศราวุธ” ซึ่งน้อยกันกว่าครึ่ง แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคืออีก 47.9% ยังไม่ตัดสินใจเลือกผู้ใด หรือเรียกภาษาการเมืองว่า “สวิงโหวต” ได้ทุกกลุ่ม
อาจเป็นเพราะคะแนน “สวิงโหวต” มีมากเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้ “ค่ายแดง” และ “พรรคส้ม” จำเป็นต้องขนขุนพลยักษ์ใหญ่มาช่วยรบในศึกครั้งนี้ เนื่องจากหาก “ค่ายแดง” พ่ายแพ้ อาจสูญเสียภาพลักษณ์อย่างหนัก เพราะ จ.อุดรธานี คือ “เมืองหลวงเสื้อแดง” มาหลาย 10 ปี ส่วน “พรรคส้ม” ถ้าชนะ จะถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรก ที่คว้าชัยศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ได้
(คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรค ปชน.)
นับตั้งแต่ “ธนาธร” ถูกแบนทางการเมือง มาก่อตั้งคณะก้าวหน้า ส่งคนชิงนายก อบจ.เมื่อปี 2563 ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ไม่ได้นายก อบจ.แม้แต่คนเดียว โดยในส่วน อบจ.อุดรธานี ได้ ส.อบจ.มาจำนวน 5 คน ต่อมาในปี 2564 สนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดเล็ก คณะก้าวหน้าเริ่มมีพัฒนาการ โดยได้นายกเทศมนตรีตำบล 5 คน และนายก อบต. 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก “ชนบท” ชี้ให้เห็นว่า บรรดา “แดงรากหญ้า” เริ่ม “เปลี่ยนสี” มาสนับสนุน “ค่ายส้ม” เปลี่ยนแปลงเป็น “ส้มรากหญ้า” กันเสียเยอะ
ขณะที่ในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ที่ผ่านมา "อุดรธานี" ถูก "พรรคส้ม" เจาะเข้าเป็นครั้งแรก โดย ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สส.เขต 1 อ.เมืองอุดรธานี แห่ง ปชน. แถมยังคะแนน "ปาร์ตี้ลิสต์" รวมทั้งจังหวัดถึง 295,097 คะแนน เป็นรองแค่ "เพื่อไทย" เท่านั้น
นั่นจึงไม่แปลกที่บนเวทีปราศรัยหาเสียงของ “เพื่อไทย” ที่มี “ทักษิณ” นั้น จะมีการเอ่ยถึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ “พรรคส้ม” โดยพาดพิงในประเด็น เคยหารือเกี่ยวกับเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยใช้ลักษณะคำพูดทำนองมีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงทำให้ร่วมรัฐบาลกันไม่ได้ เพื่อหวังเรียกคะแนน “เสื้อแดง” ที่ถูกจัดในกลุ่ม “สวิงโหวต” มาเลือกนายก อบจ.จากเพื่อไทย
ทำเอา “ธนาธร” ต้องตอบโต้ทันควัน ยืนยันว่า สาเหตุสำคัญที่ “พรรคก้าวไกล” (ขณะนั้น) กับ “พรรคเพื่อไทย” ไม่อาจร่วมจัดตั้งรัฐบาลกันได้ มิใช่เรื่องมาตรา 112 แต่ “ทักษิณ” รู้เหตุผลดีว่าเกิดจากอะไร พร้อมแอบแซะ “นายใหญ่” ด้วยว่า น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
ขณะที่ “พิธา” ซึ่งแลนดิ้งลง จ.อุดรธานี เมื่อเย็น 15 พ.ย. “โนคอมเมนต์” ในประเด็นดังกล่าว แต่มองว่า มาตรา 112 ยังมีปัญหาในการบังคับใช้ จึงสนับสนุนให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองก่อนจะฟ้องมาตรา 112 กับใคร หวังป้องกันไม่ให้ถึงสถาบันฯลงมากลั่นแกล้งกันอีก
ดังนั้นในการหาเสียงของ “พรรคประชาชน” ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ ที่จะมีการจัดกิจกรรมลอยกระทง ลากยาวไปถึง 17 พ.ย.นี้ น่าจับตา “พิธา” จะปราศรัยในประเด็นอะไรบ้าง เพื่อผลักดัน “คณิศร” สร้างประวัติศาสตร์ “นายก อบจ.สีส้ม” คนแรกของพรรคมาได้หรือไม่ ต้องติดตาม