'รทสช.' หนุนทางสายกลาง แก้กม.ประชามติ

'รทสช.' หนุนทางสายกลาง แก้กม.ประชามติ

"วิทยา" หนุน ปรับเกณฑ์ประชามติแก้รธน. ลดเพดาน "สว." ใช้ทางสายกลาง ไม่ห่วงปมขัดแก้ ยืดกรอบแก้รธน. ประเมินนักการเมืองอยากแก้รธน. ให้ยื่นแก้รายมาตรา

ที่รัฐสภา นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ให้สัมภาษณ์ต่อการนัดประชุมกมธ. เพื่อลงมติในความเห็นต่างระหว่าง สส. และสว. ต่อหลักเกณฑ์การผ่านประชามติ ว่า ตนสนับสนุนในแนวทางที่ต้องกำหนดเกณฑ์ให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ส่วนเสียงเห็นชอบเรื่องที่ทำประชามตินั้นให้ถือเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นแนวทางที่ลดเพดานหลักเกณฑ์ที่ สว.เสนอ ที่กำหนดให้ต้องมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงผ่านประชามติต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ ขณะเดียวกันคือ เพิ่มเพดานจากหลักเกณฑ์ที่สส. เสนอที่ระบุให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง

“ผมมองว่าการทำประชามติเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นนต้องมีประชาชนออกมาใช้สิทธิระดับพอสมควร โดยตามหลักการสากลคือต้องได้ครึ่งหนึ่ง เช่น มีผู้มีสิทธิ 42 ล้านคน ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 21 ล้านคน ส่วนเสียงที่จะผ่านประชามติ ให้ถือเอาเสียงข้างมากเป็นฝ่ายชนะ หากเห็นชอบชนะให้แก้ ก็แก้ หากไม่เห็นชอบก็ไม่ต้องแก้ ดังนั้นหากใช้แบบพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนที่เสนอบอกว่าจะออกมาใช้สิทธิเท่าไรไม่เกี่ยว ยึดเสียงข้างมากก็เกินไป เช่นมีคนมีสิทธิประชามติ 60 ล้านคน แต่มีคนออกมา 5 ล้านคน แบบนี้ไม่ใช่ประชามติ” นายวิทยา กล่าว 

นายวิทยา กล่าวว่า ในการพิจารณาของกมธ.ร่วมนั้น โดยปกติสามารถแก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติมจากเนื้อหาที่เขียนไว้ในร่างกฎหมายได้ อย่างไรก็ดีหากยังเห็นไม่ตรงกัน ต้องใช้มติเพื่อตัดสิน เพื่อหาผู้ชนะ ทั้งนี้ตนมองว่าในประเด็นดังกล่าวสามารถขยับ หรือประนีประนอมกันได้

เมื่อถามว่าการแก้ไขกฎหมายประชามติที่เห็นต่างอาจทำให้ยืดกรอบการแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องด่วน ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีประชาชนเรียกร้อง มีแต่พรรคการเมืองที่เสนอกันเอง ขณะเดียวกันนักการเมืองไม่เคยบอกว่าจะแก้ไขเรื่องอะไร มีแค่บอกว่าต้องการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)  ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ไม่เอารัฐธรรมนูญที่มาจากเผด็จการ

“กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญต้องเดินไปตามกระบวนการ และทำตามระบบประชามติ ส่วนจะประชามติกี่รอบ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน แม้จะได้ สสร. มาแก้รัฐธรรมนูญ อาจจะแก้ได้บางส่วน อีก 90% อาจเป็นของเดิม ดังนั้นหากเขาอยากแก้ไขจริง ควรเสนอมาทีละเรื่อง ผมเชื่อว่าหากเสนอแก้ทีละเรื่องได้ คงเสร็จไปแล้ว ดังนั้นหากจะเอาทั้งชามทีเดียว ยกซดอาจลวกคอได้ หากจิบทีละคำ ก็สามารถกินได้ ดังนั้นอยู่ที่หลักคิดว่า ต้องการแค่คำว่ารัฐธรรมนูญประชาธิปไตย มาแทนที่รัฐธรรมนูญฉบับประยุทธ์เท่านั้น” นายวิทยา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.ร่วม นัดประชุมวันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 13.00 น. โดยกำหนดวาระพิจารณาไว้ในหนังสือนัดประชุม คือ ให้ผู้แทนของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และเลขาธิการ กกต.​เข้าชี้แจงต่อประเด็นการทำประชามติด้วยระบบไปรษณีย์ นอกจากนั้นยังมีวาระอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนไว้ในหนังสือนัดประชุม แต่คาดว่าจะมีการนัดลงมติตัดสินใจความเห็นต่างระหว่างเกณฑ์ผ่านประชามติ

ซึ่งขณะนี้มี 3 แนวทาง ที่จะพิจารณา คือ

1.แนวทางที่วุฒิสภาแก้ไข ที่ระบุเกณฑ์ผ่านประชามติ ด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น คือ ชั้นแรก ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และชั้นสอง คือ เสียงเห็นชอบต้องได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ

2.แนวทางของสส. ที่ระบุเกณฑ์ผ่านประชามติ ด้วยเสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิ

และ 3.แนวทางประนีประนอม ที่กำหนดเกณฑ์ผ่านประชามติ คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงเห็นชอบกำหนดให้เป็นเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยเสียงเห็นชอบดังกล่าวต้องสูงกว่าคะแนนโนโหวต.