ทรัพย์สิน 3 สส.ดัง ‘ชัยธวัช’ 19 ล้าน ‘อภิชาติ’ 13 ล้าน ‘ก่อแก้ว’ 263 ล้าน

ทรัพย์สิน 3 สส.ดัง ‘ชัยธวัช’ 19 ล้าน ‘อภิชาติ’ 13 ล้าน ‘ก่อแก้ว’ 263 ล้าน

ยลโฉมทรัพย์สิน 3 สส.ชื่อดัง พ้นตำแหน่ง 2 คน ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ อดีตหัวหน้าก้าวไกล 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ อดีตเลขาธิการพรรคส้ม 13.2 ล้านบาท เข้ารับตำแหน่ง 1 คน ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง อู้ฟู่ 263 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. กรณีพ้นจากตำแหน่ง 7 ส.ค. 2567 จำนวน 3 ราย และกรณีเข้ารับตำแหน่ง 7 ส.ค. 2567 จำนวน 1 ราย

รายชื่อน่าสนใจ กรณีอดีตแกนนำพรรคก้าวไกล พ้นจากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ ได้แก่ นายชัยธวัช  ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล

แจ้งมีทรัพย์สิน 13,210,435 บาท ได้แก่ เงินฝาก 406,796 บาท ที่ดิน 4,658,373 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6,606,627 บาท ยานพาหนะ 8.3 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 142,639 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาท) 566,000 บาท มีหนี้สิน 6,158,475 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 1,906,044 บาท

ทรัพย์สิน 3 สส.ดัง ‘ชัยธวัช’ 19 ล้าน ‘อภิชาติ’ 13 ล้าน ‘ก่อแก้ว’ 263 ล้าน

ส่วน น.ส.งามเพ็ญ ไชยบุรินทร์ คู่สมรส มีทรัพย์สิน ได้แก่ 6,066,580 บาท ได้แก่ เงินฝาก 443,602 บาท เงินลงทุน 96,564 บาท ที่ดิน 1,125,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,750,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 11,413 บาท ทรัพย์สินอื่น 2,640,000 บาท มีหนี้สิน 33,080 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 4,001,420 บาท ในจำนวนนี้มาจากการขายทรัพย์สินปี 2566 รวม 2,108,350 บาท ขายทรัพย์สินปี 2567 รวม 6.9 แสนบาท 

ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 64,673 บาท เป็นเงินฝาก 3,874 บาท ยานพาหนะ 60,798 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 50,000 บาท เป็นเงินรับจากญาติ

รวมทั้งหมดมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 19,341,689 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 6,191,555 บาท

นายอภิชาติ  ศิริสุนทร อดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล

แจ้งมีทรัพย์สิน 6,792,742 บาท ได้แก่ เงินฝาก 4,294 บาท ที่ดิน 4 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.2 ล้านบาท ยานพาหนะ 1,588,448 บาท มีหนี้สิน 1,066,748 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 1,662,720 บาท รายจ่ายรวมต่อปี 1,398,996 บาท

ส่วนนางอัจฉริ ศิริสุนทร คู่สมรส มีทรัพย์สิน 6,427,038 บาท ได้แก่ เงินฝาก 15,574 บาท เงินลงทุน 879,540 บาท ที่ดิน 4,250,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8.8 แสนบาท ยานพาหนะ 401,924 บาท มีหนี้สิน 6,952,441 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก 342 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 829,008 บาท รายจ่ายรวม 1,319,499 บาท

รวมทั้งหมดมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,220,123 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 8,019,190 บาท

ทรัพย์สิน 3 สส.ดัง ‘ชัยธวัช’ 19 ล้าน ‘อภิชาติ’ 13 ล้าน ‘ก่อแก้ว’ 263 ล้าน

ส่วนกรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. 1 ราย ได้แก่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

แจ้งมีทรัพย์สิน 153,086,330 บาท ได้แก่ เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 30,176,239 บาท เงินลงทุน 61,848,290 บาท เงินให้กู้ยืม 1.5 ล้านบาท ที่ดิน 20 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 36.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 6 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 892,800 บาท ทรัพย์สินอื่น 569,000 บาท มีหนี้สิน 51,227 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 8,662,720 บาท ในจำนวนนี้มาจากการปันผลธุรกิจ 7 ล้านบาท โดยระบุหมายเหตุว่า รายได้ของผู้ยื่นส่วนใหญ่เป็นเงินปันผลจากธุรกิจและจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แล้ว จึงไม่ได้ยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีรายจ่ายรวม 2,610,000 บาท

ส่วน น.ส.กุลรัตน์ ลลิตโรจน์วงศ์ แจ้งอยู่กินกันฉันสามีภริยา มีทรัพย์สิน 109,628,546 บาท ได้แก่ เงินสด 531,354 บาท เงินฝาก 5,425,716 บาท เงินลงทุน 2,326,997 บาท เงินให้กู้ยืม 5,750,000 บาท ที่ดิน 56 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 11 ล้านบาท ยานพาหนะ 3.6 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 3,274,478 บาท ทรัพย์สินอื่น 21,720,000 บาท มีหนี้สิน 94,315 บาท มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 4.2 แสนบาท มาจากปันผลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 3 แสนบาท ให้เช่าที่ดิน 1.2 แสนบาท รายจ่ายรวม 275,000 บาท

ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก 418,949 บาท

รวมทั้งหมดมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 263,133,827 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 145,542 บาท

ทรัพย์สิน 3 สส.ดัง ‘ชัยธวัช’ 19 ล้าน ‘อภิชาติ’ 13 ล้าน ‘ก่อแก้ว’ 263 ล้าน

ทรัพย์สินที่น่าสนใจ นายก่อแก้ว แจ้งถือครองหุ้นในบริษัท นิวสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง ได้มาปี 2536 จำนวน 49,417,982 บาท

ส่วน น.ส.กุลรัตน์ คู่สมรส ถือครองหุ้นในบริษัท กู๊ด เนเบอร์ส ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ได้มาปี 2564 จำนวน 2,152,315 บาท ดำเนินธุรกิจปลูก ค้นคว้า วิจัย ปรับปรุงพันธุ์พืชกัญชง และทำโรงสกัดเพื่อนำพืชกัญชงมาสกัด เพื่อศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสารสกัดซีบีดี (CBD) โดยบริษัทแห่งนี้มี บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ของคนตระกูล “อิสสระ” ถือหุ้นใหญ่