ป.ป.ช.รวบคาผ้าเหลือง! อดีตโยธาฯ อบต.ฝางคำ หนีคดีมาบวชนานเกือบ 20 ปี

ป.ป.ช.ภาค 3 สนธิกำลังร่วม ตร.บุกรวบคาผ้าเหลือง 'อดีตหัวหน้าส่วนโยธา' อบต.ฝางคำ จ.อุบลฯ หลังหลบหนีคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมจัดซื้อผ่าห่มกันหนาว มาบวชนานเกือบ 20 ปี
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการโดยนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป ช.) นายณัฐวุฒ ขมประเสริฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 3 ได้มอบหมายให้นักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 3 ลงพื้นที่ปฏิบัติการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรนาตาล ทำการจับกุม นายมณฑล ปัตะวงษ์ บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ที่ จ.3/2563 ลงวันที่ 27 มกราคม 2563 หมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี (อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3) ที่ จ.48/2567 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 และหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี (อาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3) ที่ จ.49/2567 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567
โดยในขณะเกิดเหตุ นายมณฑล ปัตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนโยธาประจำองค์การบริหารส่วนตำบลฝางคำ ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการกำหนดราคากลาง เพื่อกำหนดราคากลางสำหรับการจัดซื้อผ้าห่ม กันหนาว แจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลฝางคำได้รับความเสียหาย
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. นักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาตาล ได้ร่วมกันสืบสวนหาข้อมูลของ นายมณฑล ปัตะวงษ์ ซึ่งหลบหนีการจับกุมมาเป็นเวลานาน พบว่า นายมณฑล ฯ ได้หลบหนีมาบวชเป็นพระสงฆ์ และกบดานอยู่ที่ สำนักสงฆ์วัดถ้ำตาลาว ตำบลกองโพน อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงาน แสดงหมายจับและอ่านหมายจับให้ฟัง
นายมณฑล ฯ รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับที่เจ้าพนักงานแสดงให้ดูจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ จากนั้นได้นำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรนาตาล อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อทำบันทึกจับกุม เก็บลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติผู้ถูกกล่าวหา/ผู้ถูกจับ รวมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองและดำเนินการตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 จากนั้นได้ควบคุมตัวนายมณฑล ฯ ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 (สุรินทร์) ต่อไป
อย่างไรก็ดีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด