‘โรม’ ซัดรัฐบาลเป่าสากปม ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ปูดคีย์แมนสำคัญ จี้ ตร.ลุยสอบ
‘โรม’ รับรัฐบาลเงียบเป็นเป่าสาก แก้ปม ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ล่าช้ามาก ทั้งที่ชี้เป้า-จี้ทุกจุดหมดแล้ว ปูดชื่อ ‘ต๊ะ’ คีย์แมนสำคัญ ไล่บี้ ตร.ดำเนินการ โชว์วิชั่นแก้ปัญหา ต้องกำหนดพื้นที่เฉพาะ-ไล่บี้การจ่ายไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-Starlink รับเก็บข้อมูลอยู่ อาจเจอซักฟอก
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีปัญหาประเทศไทยสุ่มเสี่ยงเป็นศูนย์กลาง (Hub) ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า พูดตรง ๆ ว่า หลังการพิจารณาของ กมธ.ความมั่นคงฯ ที่เชิญหน่วยงานความมั่นคงมาหารือเมื่อ 9 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะว่าหลาย ๆ อย่าง ยังขาดเรื่องรายละเอียดว่า รัฐบาลจะมีการพิจารณาอย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เมื่อไม่มีความชัดเจน ทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลยังไม่มี เจตจำนงแก้ปัญหาเรื่องนี้เลย ทุกอย่างแก้ปัญหาแบบตั้งรับ เป็นเคสบายเคส ยกตัวอย่าง พอมีคนจีนเป็นดารานักแสดงมีชื่อเสียง มาถูกกระทำ ก็แก้ปัญหาไป เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงจะพบว่า มีคนอีกจำนวนมาก ตกอยู่ในสภาพเดียวกับนักแสดงจากจีนดังกล่าว รัฐบาลไม่มีการคิดเป็นระบบว่า ดำเนินการอย่างไรต่อไป ที่สำคัญรัฐบาลเงียบกับเรื่องนี้จนดูผิดปกติ ขณะที่คนพูดมากสุดซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลยเกิดคำถามว่า รัฐบาลทำเรื่องนี้อย่างไร
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนพิจารณาปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องว้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือช่วยลูกเรือประมงทั้ง 4 คน คำตอบที่มอบให้ประชาชนหลังจากซักถามกว่า 5 ชั่วโมง 25 นาทีต่อบรรดาผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ คือ ไม่รู้จริง ๆ ว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
“ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ภัยคุกคาม เราพิจารณามาหลายครั้ง กมธ.ความมั่นคงฯ ติดตามมาหลายครั้ง ตั้งกระทู้มากมาย แต่รัฐบาลไม่มีแนวทางชัดเจนเลย คิดว่าวันนี้เราต้องยอมรับว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่ประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รัฐบาลไม่ได้มองว่าเรื่องนี้สำคัญว่าจะปราบปรามอย่างจริงจัง ปัญหาประเทศเราเป็นแบบนี้ตอนนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีข้อเสนอแนะ หรือวิธีแก้ไขปัญหาถึงรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.ความมั่นคงฯ ทำมาโดยตลอด ยกตัวอย่างบางเรื่อง เช่น เรื่องการค้ามนุษย์ เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วันนี้ไทยอยู่ในฐานะทางผ่านของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านธรรมดา แต่เป็นเหมือนเอเย่นต์ เพราะบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ ใช้ประเทศไทย ใช้ภาพลักษณ์ของไทย ล่อลวงเหยื่อให้มาทำงานในไทย ความจริงเมื่อเหยื่อถึงไทย ได้เอาไทยเป็นทางผ่าน เหยื่อจึงตกเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซนเตอร์
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทางแก้สำคัญคือ ทำอย่างไรให้เดินทางจากประเทศไทยไปประเทศเพื่อนบ้านทำได้ยากขึ้น เพราะที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านี้ใช้วิธีลักลอบตามพื้นที่ชายแดน ดังนั้นต้องหามาตรการในเรื่องนี้ วิธีการที่ดีสุดคือ กำหนดพื้นที่เฉพาะ ให้การเดินทางยากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าชาวต่างชาติไปพื้นที่แม่สอด (จ.ตาก) มากขึ้น อาจมีมาตรการคอนโทรล การขออนุญาต จะมีแนวโน้มป้องกันไม่ให้ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามมากขึ้น
“ผมยกตัวอย่าง ถ้าเขาเดินไปที่แม่น้ำเมย อยู่ริมแม่น้ำ มีตำรวจพบเห็น ตำรวจจับไม่ได้ แต่จะเริ่มจับได้ต่อเมื่อเขาตัดสินใจเดินข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่ง การทำแบบนั้นมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติได้ ดังนั้นการกำหนดพื้นที่เฉพาะ แนวชายแดน หรือพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก การได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้ เป็นวิธีการหนึ่งลดปริมาณเรื่องบรรดาทุนสีเทา แก๊งอาชญากรข้ามชาติ ไปทำสิ่งผิดกฎหมายทำได้ยากยิ่งขึ้น มีความเป็นไปได้ ลดจำนวนแก๊งเหล่านี้ได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ เสนออีกว่า อีกวิธีที่ทำควบคู่ไปคือ การซีลชายแดน และปราบปรามการคอร์รัปชัน สำหรับการซีลชายแดน เวลาพูดถึงชายแดนทุกคนอาจไม่เข้าใจ ชายแดนของไทยค่อนข้างใหญ่ แต่เรารู้ว่าช่องทางแก๊งค้ามนุษย์เหล่านี้ข้ามไปอยู่ช่องไหนบ้าง เราคิดว่าจะอุดช่องโหว่นั้นได้ เป็นพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ อาจใช้เทคโนโลยีประกอบกันด้วย รวมถึงการปิดท่าข้ามต่างๆ 50-60 ท่าในพื้นที่ จ.ตาก ท่าข้ามเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ที่จะมีมากขนาดนี้ และท่าข้ามเหล่านี้มักตั้งตรงข้ามกับคาสิโน หรืออาคารทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะฉะนั้นการปิด หรือควบคุมพิเศษ มีความจำเป็นต้องทำ
“ถัดมา การจัดการกับการคอร์รัปชัน พวกนี้สุดท้ายต้องอาศัยเจ้าหน้าที่รัฐของไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ของไทย ในการดำเนินการธุรกิจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับการคุ้มครองแบบนี้ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลไม่เงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ คนมีสีเกี่ยวกับการทุจริตมีความจำเป็น เรื่องนี้รัฐบาลก็รู้ มีคอนเนกชั่น มีความสำคัญอย่างไร เพราะปกติตำรวจแย่งไปแม่สอดกันทำไม พื้นที่หาเงินหาทองอย่างไร การปราบปรามข้าราชการเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องจำเป็น” นายรังสิมันต์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอที่ทำให้ขบวนการค้ามนุษย์อ่อนแอลงนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มี 2 ส่วน 1.การปรับปรุงเรื่องระบบไฟฟ้า สิ่งจำเป็นต่าง ๆ ที่พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับอยู่ ปัจจุบันเราขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน ไฟฟ้าเหล่านี้บางส่วนตกอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงอินเทอร์เน็ต สายเคเบิลต่างๆ ที่เราตรวจสอบว่าอินเทอร์เน็ตถูกใช้โดยแก๊งค้ามนุษย์หรือไม่ ถ้าพบว่าเอกชนเกี่ยวข้อง ต้องลงโทษอย่างจริงจัง แข็งขัง และ 2.Starlink เป็นเครื่องมือใหม่ พวกบริษัท หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้อยู่ ดังนั้นรัฐบาลต้องคุยกับ SapceX ว่าจะมีมาตรการอย่างไรเพื่อควบคุมตรงนี้
ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาภายในประเทศสำคัญไม่แพ้กัน เช่น กรณีบัญชีม้า ถ้ามีประชาชนคนไทยถูกหลอก เรื่องบัญชีม้าต้องตรวจสอบได้ว่าเป็นความเพิกเฉย หรือความไม่ละเอียดของธนาคารหรือไม่ ที่ปล่อยให้เปิดเป็น 100 บัญชีไม่ตรวจสอบเลย เราสามารถดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ชดเชยความเสียหายให้ประชาชนได้ รวมถึงซิมม้า ถ้าผู้ให้บริการเครือข่ายปล่อยให้เปิดซิมเป็น 100 ซิม ภายใต้เลขบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ตเดียวกัน คือการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือทำสิ่งที่ควรทำ ทั้งที่ควรแก้ได้ไม่ยาก สิ่งเหล่านี้เอาผิดเอกชน
เมื่อถามว่า นอกเหนือจากมาตรการป้องกันแล้ว จะสาวลึกไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ จนถึงต้นตอเลยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างที่เรียนว่ามีหลายระดับ มีคีย์แมนสำคัญคนหนึ่งซึ่งตนพูดหลายครั้งชื่อว่า “ต๊ะ” คนนี้เป็นใคร แต่ก็ไม่มีความพยายามจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อดำเนินการเรื่องนี้เลย หรือแม้แต่เรื่องการใช้ไฟฟ้า หรืออินเทอร์เน็ตของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราชี้เป้าไปหลายครั้งแล้วว่าอยู่จุดไหน ช่องทางไหน แต่ไม่เห็นกระทรวงมหาดไทย (มท.) ดำเนินการเช่นกัน ที่คืบหน่อยมีแค่กรณีบัญชีม้า แต่ยอมรับว่าค่อนข้างล่าช้า ดังนั้นที่ผ่านมามีหลายระดับที่เราพยายามจี้ พยายามชี้เป้า แต่การขยับเรื่องเหล่านี้น้อยมาก
เมื่อถามว่า สุดท้ายหากรัฐบาลไม่ขยับทำอะไร จะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราไม่ปิดว่าจะใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปกันว่าจะซักฟอกเรื่องเหล่านี้ไหม แต่ทุกปัญหาที่รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด ทุกเรื่องเป็นไปได้หมดที่จะถูกนำไปใช้ในการซักฟอก