กฎหมาย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ใกล้คลอด กาสิโน ไม่เกิน 10%

เลขาฯ กฤษฎีกา เผย ร่างกฎหมาย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ใกล้คลอดแล้ว ลั่น ต้องเขียนให้ชัดกาสิโนไม่เกิน 10% ก่อนชง ครม. ตามกรอบ 50 วัน
วันที่ 11 ก.พ.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาลนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยถึงความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามกรอบเวลา 50 วัน ว่าน่าจะเสร็จสิ้นช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งเราพยายามทำให้เร็ว ซึ่งในการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะอยู่ในกรอบ 50 วัน ที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่าตอนนี้เหลือขั้นตอนอะไรบ้าง นายปกรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราปรับร่างฯ แล้ว ซึ่งเรียกว่าวาระที่ 2 โดยมีการปรับในรายละเอียด แต่รอบแรกพิจารณาในหลักการไปแล้ว ซึ่งตอนนี้มีการปรับร่างฯ ไปเยอะแล้ว และได้นำเข้าคณะกรรมการไปแล้ว โดยตอนนี้เห็นหน้าตาเป็นกรอบค่อนข้างชัดเจนแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีการปรับเปลี่ยนจากร่างเดิมมาก หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ก็เยอะอยู่
เมื่อถามว่ามีการปรับในสาระสำคัญหรือไม่นายปกรณ์ ระบุว่า สาระสำคัญยังคงเหมือนเดิม คล้ายๆ เดิม
เมื่อถามว่าในร่างฯ ที่ปรับใหม่ ได้มีการระบุชัดเจนว่ากาสิโนจะต้องมีกี่เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ ระบุว่า ในเบื้องต้นคิดว่าควรจะมีการกำหนดไว้ แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่คิดว่าควรต้องกำหนด
เมื่อถามว่า จะต้องนำต่างประเทศมาเปรียบเทียบหรือไม่ เช่น ในประเทศสิงคโปร์ นายปกรณ์ กล่าวว่า แล้วแต่นโยบาย เนื่องจากไม่เหมือนกัน ต้องอยู่ที่นโยบายว่าจะเอาเท่าไร
เมื่อถามต่อว่าสัดส่วนกาสิโนอยู่ระหว่างเท่าใด นายปกรณ์ กล่าวว่า ก็ต้องไม่เกิน 10%
เมื่อถามย้ำว่าเป็นการเปิดช่องไว้ ให้สามารถลดสัดส่วน เป็น 5 หรือ 8% ได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ ระบุว่า ถูกครับ มันจะเป็นฟิลลิ่ง ถ้าจะน้อยกว่า 10 ก็แล้วแต่สถานการณ์ ที่เขาจะพิจารณา
เมื่อถามต่อว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการปรับ ว่าสัดส่วนจะเป็นเท่าใด นายปกรณ์ ระบุว่า แล้วแต่คณะกรรมการนโยบายที่จะพิจารณา ซึ่งตนคิดว่าเขาคงจะต้องพิจารณาในแง่ของการลงทุนด้วย เพราะว่ามีการระบุไว้แล้วว่า การลงทุนต้อง100,000 ล้าน และค่าใบอนุญาต อีก 5,000 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องแล้วแต่คณะกรรมการ ต้องดูแผนที่นักลงทุนเสนอเข้ามา
เมื่อถามว่าก่อนที่จะนำร่างดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ปกติเราทำเสร็จแล้ว เราก็เปิดเผยอยู่แล้ว ไม่ได้ปกปิดอะไร ซึ่งปกติกฤษฎีกาจะนำไปลงเว็บไซต์ระบบ กฎหมายกลางอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าถ้าประชาชนจะมีความคิดเห็นในเรื่องนี้จะสื่อไปถึงกฤษฎีกาเพื่อทบทวนร่างกฎหมายได้อย่างไร นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราทำตามนโยบายของรัฐบาล ตนเป็นฝ่ายข้าราชการประจำ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องแล้วแต่นโยบายรัฐบาล เพราะไม่เช่นนั้น เท่ากับฝ่ายข้าราชการประจำ ทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเสียเอง ซึ่งมันจะผิดหลัก ส่วนที่พยายามเรียกร้องกันนั้นตนเข้าใจดี ถึงความ สนใจในเรื่องนี้ของทุกภาคส่วน รวมถึงความห่วงใยแต่ก็ต้องเข้าใจเรื่องระบบในการทำงานด้วยว่าฝ่ายข้าราชการประจำ จะไปทำตัวเป็นฝ่ายบริหารเสียเองมันไม่ถูกเรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นเรื่องนโยบาย ก็อยู่ที่ทางรัฐบาลจะพิจารณา ไม่ใช่มากดดันที่กฤษฎีกา ว่าจะอย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่ได้มีอำนาจหน้าที่อะไรขนาดนั้น
เมื่อถามว่า ถ้าจะทำประชามติ ก็ต้องให้รัฐบาลเป็นฝ่ายดำเนินการใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ใช่ครับ มันอยู่ที่รัฐบาล ไม่ได้อยู่ที่ผมเลย และที่ผ่านมาก็ยืนยันมาโดยตลอด ในการตรวจพิจารณาทุกร่างกฎหมาย
เมื่อถามถึงข้อกังวลของนักวิชาการเนื่องจากร่างกฎหมาย มีการระบุว่าสำนักงานสามารถหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้ก่อนเหลือเท่าใดจึงค่อยนำส่งเป็นเงินแผ่นดิน นายปกรณ์ กล่าวว่า ด้วยหลักของกฎหมาย วินัยการเงินการคลัง ภาษีต้องเข้ารัฐ
เมื่อถามว่าหมายความว่า สำนักงานเองสามารถหักค่าใช้จ่าย เหลือเท่าไร ค่อยนำส่งเป็นเงินแผ่นดินใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่าต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นค่าธรรมเนียม และค่าบริการ ซึ่งเรื่องค่าธรรมเนียมหรือใบอนุญาตต่างๆ โดยหลักแล้วมันต้องเข้าหลวง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการเงินการคลัง ส่วนมากจะหักไม่ได้เท่าไร เอามาเป็นค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ซึ่งตรงนี้เป็นแนวปฏิบัติทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ต้องเป็นความตกลงของกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าแหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลระบุว่ากรอบระยะเวลา 50 วันของการร่างกฎหมาย จะครบกำหนดในวันที่ 6 มีนาคม 2568 นี้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์