เปิดเกมองครักษ์พิทักษ์ ‘2 นายกฯ’ ดาวสภาฯ ‘บิ๊กทิน’ นำทีม

พรรคร่วมฝ่ายค้าน 166 สส. นำโดย พรรคประชาชน (ปชน.) ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 โดยพุ่งตรงกล่องดวงใจรัฐบาล คือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว 

ข้อกล่าวหาหลักใหญ่ โจมตีนายกฯ ไร้คุณสมบัติ ไร้ความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหาร ขาดภาวะผู้นำ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารบ้านเมืองผิดพลาดล้มเหลวอย่างร้ายแรง

จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง บิดา ครอบครัว และพวกพ้อง

สมัครใจยินยอมให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด

ข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้ พรรคเพื่อไทย มองว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่นายกฯ ที่เพิ่งเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเกือบ 6 เดือนเท่านั้น

ล่าสุด ปฏิทินกำหนดวันซักฟอก ต้องรอประธานสภาฯ บรรจุญัตติก่อน จากนั้น วิป 3 ฝ่าย คณะรัฐมนตรี พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านจะมาหาข้อยุติถึงวันและกรอบเวลาการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน และกรอบเวลาชี้แจงของฝั่งรัฐบาล

ล่าสุด "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทักท้วงการระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ อาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้แก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวก่อน

แน่นอนว่า "พรรคประชาชน" คงไม่ยอมแก้ไขเนื้อหาในญัตติ เพราะไฮไลท์ใหญ่ต้องวางเกมตัดความชอบธรรม 2 นายกฯ รวมทั้ง สส.ที่จะอภิปรายพาดพิงคนนอก สามารถรับผิดชอบด้วยตัวเองได้ หากอภิปรายจนทำให้คนที่อยู่นอกสภาฯ ได้รับความเสียหาย

ขณะที่ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล โยนโจทย์ให้ฝ่ายค้านเพียง 1 วันเท่านั้น คือ 24 มี.ค. 2568 เพราะฝ่ายค้านเลือกอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียว

แม้พรรคฝ่ายค้านจะยกธรรมเนียมในอดีต ที่เคยอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียว 5 วัน แต่ซีกของพรรคเพื่อไทยมองว่า เป็นการอภิปรายที่พร่ำเพรื่อโดยใช่เหตุ

ดังนั้นการให้เวลาอภิปรายวันเดียว ตั้งแต่ 09.00-00.00 น.ก็เพียงพอ จากนั้นวันรุ่งขึ้นนัดประชุมสภาฯ เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ

อีกทั้งในสภาฯ สมัยที่แล้ว ก็ยึดกรอบเวลาอภิปรายเพียง 3 วันเท่านั้น สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 11 ราย

ขณะที่เสียงของพรรคร่วมรัฐบาล 321 เสียง ถือว่าท่วมท้น เพียงพอที่ “แพทองธาร” จะได้รับเสียงไว้วางใจจากรัฐบาลขาดลอย เกินกี่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ รวมทั้งยังต้องจับตาว่าจะมี สส.พรรคฝ่ายค้านพรรคใด โหวตไว้วางใจให้นายกฯ จนแต้มทะลุเป้าหรือไม่

พรรคเพื่อไทยมองว่า การที่พรรคประชาชนเลือกอภิปรายนายกฯ เพียงคนเดียว โดยไม่แตะพรรคร่วมรัฐบาลเลย จะยิ่งทำให้พรรคร่วมรัฐบาลจะยิ่งจับมือมากยิ่งขึ้น

“ผมมองว่ายิ่งอภิปรายนายกฯ คนเดียว ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลต้องจับมือกันโหวตไว้วางใจนายกฯ และไม่มีทางเสียงของรัฐบาลจะแตกได้ ยกมือให้หมดนั่นแหละ แม้แต่พรรคภูมิใจไทย ส่วนการอภิปรายของฝ่ายค้านคงต้องการจะดิสเครดิตนายกฯ ไม่มีความเป็นผู้นำ ด้อยค่านายกฯด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นที่ตอบง่าย” สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ระบุ

สำหรับการเตรียมความพร้อมของ สส.พรรคเพื่อไทย เบื้องต้นประธานวิปรัฐบาลได้แจ้งผ่านที่ประชุม สส.พรรคให้ สส.ของพรรคทั้งหมดที่สนใจเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมสภาฯ ไปศึกษาข้อบังคับไว้ก่อน เพื่อจัดทีม สส.คอยตัดเกมฝ่ายค้านในสภาฯ

โดยเฉพาะการอภิปรายของฝ่ายค้านที่พาดพิงบุคคลภายนอกสภาฯ มีการเก็งข้อสอบกันไว้บางแล้ว แน่นอน บิดาของนายกฯ คือ “ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกฝ่ายค้านพุ่งเป้าถล่มกลางสภาฯ

ส่วนกระทรวงอื่นๆ เก็งข้อสอบ พรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายถล่มรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจปากท้อง สังคม ปัญหาการเอื้อผลประโยชน์ให้กับพวกพ้อง โดยมีกระทรวงที่เก็งกันไว้จะถูกอภิปราย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม

ขณะที่ นายกฯแพทองธาร จะใช้สิทธิชี้แจงข้อกล่าวหาโดยลุกชึ้แจงภาพรวมทีเดียว โดยไม่ใช้เวลาชี้แจงตลอดเวลา หากเป็นหน้าที่ของกระทรวงใดก็ให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงชี้แจง

ส่วนกลยุทธ์การประท้วงของ สส.พรรคเพื่อไทย มีการวาง สส.ทั้งรุ่นเก๋า รุ่นกลาง รุ่นใหม่คอยเป็นขุนพล องครักษ์พิทักษ์นายกฯ รวมทั้งลุกป้องอดีตนายกฯ นอกสภาฯควบคู่กันไปด้วย

พร้อมทั้งตั้งวอร์รูมขนาดเล็กคอยมอนิเตอร์ ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลในรัฐสภา รวมทั้งมีองคาพยพทีมวิชาการจาก “เพื่อไทยอคาเดมี” คอยเสิร์ฟข้อมูลให้กับรัฐบาล

ส่วนรัฐมนตรีแกนนำที่ดูแลงานรัฐสภา คอยช่วยป้อนข้อมูลให้กับนายกฯ และรวมถึงให้ข้อมูลกับรัฐมนตรีที่จะต้องลุกตอบโต้

ขณะที่ปีกทีมสื่อสารของพรรคเพื่อไทยจะใช้ทีมสื่อสารทางการเมืองโซเชียลมีเดียทุกช่องทางของพรรคคอยปูพรม ชี้แจงหักล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน

แน่นอนว่า “ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุด”ของพรรคเพื่อไทย คงต้องเฝ้ามองดูลูกสาวของตัวเองถึงหน้าจอทีวี และสัญญาณไลฟ์สด

ล่าสุด มีการปูดชื่อ ทีมองครักษ์พิทักษ์นายกฯในซีกของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจัดให้เป็นขุนพลแถวหน้า เก๋าเกมในรัฐสภาคอยทำหน้าที่ยกข้อบังคับการประชุมสภา ท้วงติงพรรคฝ่ายค้าน โดยมีสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตดาวสภาฯ เป็นผู้คุมทีม คุมเกม

เห็นได้จากการทำหน้าที่อย่างแข็งขันในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำโดย สส.รุ่นอาวุโสของพรรค วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ สุทิน คลังแสง  สส.บัญชีรายชื่อ  ชลน่าน ศรีแก้ว  สส.น่าน  อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม  สส.สุรินทร์ ไล่รุ่นลงมาระดับกลางจะมีทั้ง “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.รุ่นใหม่ 

ส่วน สส.หญิงของพรรคเพื่อไทย ที่คาดว่าจะทำหน้าที่ตัดเกมฝ่ายค้านพิทักษ์นายกฯ หญิง “ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” สส.บัญชีรายชื่อ “ขัตติยา สวัสดิผล” สส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้ง สส.เขตบางคนที่เคยลุกขึ้นประท้วงฝ่ายค้าน

สส.ที่เก๋าเกมในสภาฯ อาจต้องใช้เวทีซักฟอกครั้งนี้โชว์ผลงานเพื่อสร้างแต้มต่อทางการเมืองในการนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีซึ่งทำหน้าที่ช่วยพิทักษ์นายกฯ ก็จะถูกจับตาว่ามีผลงานที่เด่นชัดให้ไปต่อได้หรือไม่

ทีมองครักษ์เพื่อไทยประสานเสียงเป็นคีย์เดียวกัน จะไม่เน้นการประท้วงพร่ำเพรื่อ แต่ถ้ามีการพาดพิงหรือล้ำเส้นคนภายนอกไม่เป็นไปตามข้อบังคับฯ ก็จะใช้สิทธิประท้วงเพื่อให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบ หากฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงไปยังชื่อรัฐมนตรีคนใดโดยตรง รัฐมนตรีจะลุกขึ้นตอบโต้ด้วยเช่นกัน

รัฐบาลมองว่าไม่ว่าจะอภิปราย 1 วัน 2 วันหรือ 3 วัน ก็ไม่มีผลต่อการสร้างแรงสั่นสะเทือนจนถึงขั้นรัฐบาลต้องล้มลงหรือส่งผลให้ยุบสภาก่อนครบวาระ

วาทกรรมญัตติซักฟอกที่ฝ่ายค้านเขียนพุ่งตรงไปถึงคนข้างหลังนายกฯ ครั้งนี้ รัฐบาลมองเป็นการใส่สีปลุกเร้าด้วยวาทกรรมเท่านั้น

เพราะตามพฤตินัยแล้ว “พ่อ” กับ “ลูก” ย่อมแยกจากกันไม่ได้ เพียงแต่ข้อบังคับฯ ห้ามเอ่ยพาดพิงถึงบุคคลภายนอกเท่านั้น หากเอ่ยถึงคนนอก องครักษ์หัวหมู่พิทักษ์ 2 นายกฯ พร้อมสกัดตัดเกมในทันที