กึ่งศตวรรษ 'เทศบาลบ้านใหญ่' 3 ตระกูลดัง 'นายกเล็ก' ตลอดกาล

เปิดฤดูเลือกตั้งเทศบาล โฟกัส “บ้านใหญ่” ตระกูล “แก้วพิจิตร-ธนเดชากุล-ฉายแสง” ผูกขาด “นายกเล็ก” กว่า 50 ปี
สงครามเลือกตั้ง อบจ.จบไปแล้ว ก็ถึงเวลาการเลือกตั้ง “นายกเล็ก” ทั่วไทย เฉพาะสมรภูมิ “เทศบาลนคร” 35 แห่ง จะมีการแข่งขันดุเดือดไม่แพ้ชิงนายก อบจ.
ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2568 จะเข้าสู่ห้วงการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล ทั้ง “นายกเทศมนตรี” และ “สมาชิกสภาเทศบาล” ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งปลายเดือน มี.ค.นี้
กกต. ได้เห็นชอบแผนการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยกำหนดวันเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.2568 ซึ่งจะมีการรับสมัครเลือกตั้งระหว่าง 31 มี.ค. - 4 เม.ย.นี้
ข้อมูลองค์กรปกครองท้องถิ่นในระดับเทศบาล แยกเป็นเทศบาลนคร 35 แห่ง ,เทศบาลเมือง 201 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,245 แห่ง
เทศบาลนครน้องใหม่ 3 แห่งที่จะมีการจัดตั้งในวันที่ 28 มี.ค.นี้ คือ
- เทศบาลนครหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
- เทศบาลนครบ้านสวน ชลบุรี
- เทศบาลนครมาบตาพุด ชลบุรี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีนายกเทศมนตรีลาออกก่อนครบวาระ กกต.จึงจัดให้การเลือกตั้งใหม่ 2 จังหวัดคือ 16 มี.ค. เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี และ 30 มี.ค. เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก
4 ปีที่แล้ว คณะก้าวหน้า นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ส่งผู้สมัครนายกเล็ก ทั้งเทศบาลนคร เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบล ก็ประสบชัยชนะในระดับตำบลเท่านั้น
ดังที่ทราบกัน สนามเลือกตั้งเทศบาลนครและเทศบาลเมือง ไม่ต่างจากสนาม อบจ. ที่กลุ่มการเมือง “บ้านใหญ่” ยังยึดกุมการบริหารท้องถิ่น ด้วยระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก
สัปดาห์นี้ อุ่นเครื่องศึกนายกเล็ก 2568 จึงขอโฟกัส “บ้านใหญ่” 3 จังหวัดคือ
- นนทบุรี
- นครปฐม
- ฉะเชิงเทรา
ซึ่งยึดครองพื้นที่ “เทศบาล” ในเขตเมืองใหญ่มายาวนานกว่า 50 ปี
“นายกเล็ก” ตลอดกาล
“นายกสมนึก” สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี น่าจะได้รับการบันทึกไว้ว่า เป็นแชมป์นายกเล็ก ที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดคือ 9 สมัย
คนแถวเมืองนนท์ จึงเรียกขาน “นายกสมนึก” ว่า นายกตลอดกาลนานที่สุดในโลก
สมนึกเกิดและโตที่เมืองนนทบุรี ในครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ฐานะปานกลาง โดยเตี่ยกับแม่เปิดร้านขายกาแฟ ควบคู่กับขายของในตลาดศรีเมือง
ปี 2511 หลังเรียนจบวิทยาลัยช่างก่อสร้างดุสิต สมนึกไปทำงานเป็นหัวหน้างานติดตั้งเดินสายโทรศัพท์ ของกรมชลประทาน 6 ปี แล้วลาออกมาช่วยแม่ทำการค้าขาย ด้วยนิสัยใจคอกว้างขวาง ใจนักเลง จึงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงเยอะ
สมนึก รู้จักกับ บุญเยี่ยม โสภณ อดีต สส.บุรีรัมย์ เพราะเขาชอบมวยไทย ตอนนั้น บุญเยี่ยมมีค่ายมวย และสมนึกนำเอานักมวยมาฝากเลี้ยง 20 คน
ปี 2517 บุญเยี่ยมแนะนำให้สมนึกลงเล่นการเมืองท้องถิ่น และตั้งชื่อกลุ่ม “พลังหนุ่ม” เพราะตอนนั้น รายการมวยศึกพลังหนุ่ม กำลังโด่งดัง และสมนึกได้เป็น สท.นนทบุรี
ปี 2521 สมนึกรับตำแหน่งเทศมนตรีเมืองนนทบุรี และในปี 2527 เขาลงสมัครชิงเก้าอี้นายกเล็ก และได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองนนทบุรี สมัยแรก
นับแต่นั้นเป็นต้นมา “นายกสมนึก” และกลุ่มพลังหนุ่ม ก็ยึดกุมการบริหารเทศบาลเมืองนนท์ จนกระทั่งมีการยกระดับเป็นเทศบาลนครนนทบุรี
ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนนท์ครั้งใหม่ “นายกสมนึก” คงได้รับเลือกเป็นนายกฯ สมัยที่ 10 เนื่องจากผลงานที่ชื่นชอบของชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองนนท์
สำหรับการเมืองระดับชาติ “นายกสมนึก” เคยสนับสนุนพรรคพลังธรรม ,พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย จึงไม่แปลกที่อดีตนายกฯทักษิณ จะบุกไปอวยพรวันเกิดครบ 79 ปีของสมนึก เมื่อปีที่แล้ว
50 ปี บ้านใหญ่ “แก้วพิจิตร”
วันที่ 11 มี.ค.2568 เพจกลุ่มสันติธรรม นครปฐม ได้ออกแถลงการณ์ “แก้วพิจิตร-พงษ์ขวัญ สู่ความสัมพันธ์กว่า 50 ปี”
กล่าวโดยสรุปว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครปฐม ครั้งใหม่ กลุ่มสันติธรรม จะส่ง “รองหนึ่ง” สมโชค พงษ์ขวัญ ลงสมัครนายกเล็กเมืองเจดีย์ใหญ่
50 ปีที่แล้ว “ป๋าสุน” สุนทร แก้วพิจิตร และ พัฒนะ พงษ์ขวัญ ร่วมกันก่อตั้ง “กลุ่มสันติธรรม นครปฐม” และจัดทีมลงสมัครนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล
“ป๋าสุน” สุนทร แก้วพิจิตร เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเจดีย์ใหญ่สมัยแรกเมื่อปี 2528 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ลูกชาย “อัยการต๊อก” เสรินทร์ แก้วพิจิตร เป็นนายกเล็ก และหลานชาย “ฟลุ๊ค” เอกพันธุ์ คุปตวัช
สมัยที่แล้ว สุนทรหันมาดันลูกชาย เสรินทร์ เป็นนายกเล็กอีกสมัย และ “ป๋าสุน” นั่งประธานสภาเทศบาลฯ
เป็นที่รู้กันในเมืองเจดียใหญ่ ตระกูล “แก้วพิจิตร” กับ “สะสมทรัพย์” จะแบ่งพื้นที่กันเล่นการเมือง โดย “ป๋าสุน” จะยึดเทศบาลนครนครปฐม ส่วนบ้านใหญ่สะสมทรัพย์ ก็ยึดครอง อบจ.นครปฐม
สำหรับการเมืองระดับชาติ บ้านใหญ่ “แก้วพิจิตร” จะยึดพื้นที่ สส.นครปฐม เขต 1 อ.เมืองนครปฐม ส่วน “สะสมทรัพย์” จะได้ สส.นครปฐม เขตรอบนอก แถว อ.กำแพงแสน , อ.บางเลน ,อ.สามพราน และ อ.นครชัยศรี
50 ปีก่อน สุนทร แก้วพิจิตร ได้ชื่อว่าเป็น “เจ้าพ่อสิบล้อนครปฐม” ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ตระกูล “คุปตวัช” ที่เป็นเจ้าพ่อสิบล้อในปัจจุบัน
ในวัย 90 ปี “ป๋าสุน” ยังแข็งแรง และเป็นเสาหลักให้กลุ่มสันติธรรม นครปฐม ดูแลเทศบาลเขตใจกลางเมืองเจดีย์ใหญ่
“ฉายแสง” แห่งแปดริ้ว
“เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา” ตกอยู่ในการบริหารของตระกูล “ฉายแสง” มาแต่ยุคของอนันต์ ฉายแสง หรือ “เตี่ยนัน” ของพ่อค้าแม่ค้าหน้าวัดหลวงพ่อโสธร
อนันต์ ฉายแสง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ปี 2501 และเป็นเทศมนตรี ปี2502-2510 ก่อนจะขยับเล่นการเมืองระดับชาติ เป็น ส.ส.ฉะเชิงเทรา ปี 2512
เมื่อ 30 ปีที่แล้ว อนันต์หนุนลูกชายคนรอง “ก้อย” กลยุทธ ฉายแสง ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ในนามทีมรวมใจพัฒนา และเป็นนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ต่อเนื่องมา 7 สมัย
ปีที่แล้ว “นายกก้อย” ลาออกจากนายกเล็ก ไปสมัครนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา และได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.สมัยแรก
หลัง “นายกก้อย” ลาออก กกต.จึงจัดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา แทนตำแหน่งที่ว่างลง เมื่อ 16 ก.พ.2568
บ้านใหญ่ตระกูลฉายแสง ส่ง “มาดามขวัญ” ขวัญกมล ฉายแสง ภรรยานายกก้อย ลงชิงเก้าอี้นายกเล็ก ปรากฏว่า “มาดามขวัญ” ชนะ “กัปตันโป้ง” ธนกฤต ปิ่นเจริญ ด้วยผลคะแนนที่ห่างกันเพียง 672 คะแนน
สรุปว่า บ้านใหญ่ “ฉายแสง” ยึดกุมการเมืองท้องถิ่นแปดริ้วไว้เบ็ดเสร็จคือ “นายกก้อย” กลยุทธ ฉายแสง นั่งนายก อบจ. ส่วน “มาดามขวัญ” ก็สานต่อสามี นั่งนายกเล็ก รักษาเก้าอี้ไว้ในอ้อมกอดบ้านใหญ่อีกสมัย