‘ณัฐพงษ์’ สรุปทุกปมปิดซักฟอก จี้ถาม ‘ตั๋ว PN’ จ่ายค่าหุ้นกี่โมง

‘ณัฐพงษ์’ กล่าวสรุปปิดศึกซักฟอก จี้ถาม ‘ตั๋ว PN’ จ่ายค่าหุ้นกี่โมง วางแผนจ่ายภาษีหรือไม่ ชี้ไทยกำลังสูญเสียทุกอย่างอีกครั้ง เพื่อพา ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2568 เวลาประมาณ 22.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ได้กล่าวสรุปการอภิปรายตอนหนึ่งว่า ท่านนายกฯ เปิดประเด็นใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ เปิดประเด็นว่าพรรคตน และพรรคเพื่อไทย เราอยู่หัวอกเดียวกัน เราโดนนิติสงคราม เราโดนยุบพรรคมาเหมือนกัน คำถามท่านนายกฯ จะออกจากปัญหานี้อย่างไร เมื่อกี้บอกแล้วว่าพรรคเพื่อไทย มีเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ แล้วอยู่ไหน ไม่เหมือนที่พูดไว้ การจะออกจากปัญหาที่บอกว่าตนกับท่านหัวอกเดียวกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำอย่างไร
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนใช้ภาวะความเป็นผู้นำน้อยมาก แต่ที่ผ่านมา ตนพูดคุณสมบัติความเป็นนายกฯ 3 ข้อ ขาดความรู้ความสามารถ ขาดวุฒิภาวะ ขาดเจตจำนงทางการเมือง เฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เจตจำนงทางการเมืองท่านอยู่ตรงไหน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด โดยเรื่องความรู้ความสามารถ นายกฯชี้แจงว่า พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ สามารถเรียนรู้ได้ ตนเพิ่งเข้าการเมืองเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อนสมาชิกก็เช่นเดียวกัน ไม่เคยอยู่ในโลกการเมืองมาก่อน ไม่ได้ยกตนข่มท่านว่ามีความรู้ความสามารถมากกว่า เรื่องวุฒิภาวะ เปลี่ยนจากการที่แต่ก่อน ถ้าท่านอยู่ฝ่ายบริหาร เป็นเจ้าของบริษัทเอกชน มาเป็นรัฐบาลอยู่ฝ่ายบริหาร ท่านอาจใช้วิธีการสั่งได้มากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ถ้าท่านอยู่สภาฯ แล้วฟังเยอะ ๆ การฟังมากกว่าพูดจะเพิ่มวุฒิภาวะได้
แต่คุณสมบัติข้อสุดท้าย การขาดเจตจำนงทางการเมือง ถามตัวนายกฯ ขออนุญาตด้วยความเคารพ เหตุผลของท่านที่มาดำรงตำแหน่งตอนนี้คืออะไร เวลาประมาณ 15.50 น. จำตัวเลขได้เป๊ะ ๆ ว่านายกฯตอบเวลาไหนบ้าง ท่านเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปีที่แล้ว เพื่อนสมาชิกในห้องนี้ ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจความรู้สึกดี
“ผมเข้าใจความรู้สึกท่านดี แต่ท่านพยายามเล่าว่าท่านถูกกระทำ ทุกคนในประเทศนี้ถูกกระทำ ไม่ใช่นายกฯคนเดียว ในฐานะบุตรสาวของคุณทักษิณ ชินวัตร ถ้าใช้ความเป็นบุตรสาว ตั้งคำถามถึงบุตรสาวของคนเสื้อแดง ที่ร่วมต่อสู้กับคุณทักษิณ ถามเขาว่าจุดยืนของเพื่อไทยในวันนี้ ครอบครัวที่เขาสูญเสียไป ลูกสาวเขารู้สึกอย่างไร เชื่อว่าหลายคนโกรธ เศร้า หมดหวังกับการเมืองวันนี้ แน่นอนเราต้องศึกษาประวัติศาสตร์ ก็จะวนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับตน ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา 20 ปีหากให้สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกับไทย 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยสูญเสียไปทุกอย่างเพื่อเอาคุณทักษิณออกนอกประเทศ จะเกิดขึ้นจากใคร ทุกท่านคิดเอง ใครพาทักษิณออกไป แต่เรายอมแลกทุกอย่าง 20 ปีผ่านมา ประเทศไทยกำลังสูญเสียทุกอย่างอีกครั้ง เพื่อเอาทักษิณกลับมาประเทศนี้ นี่คือที่ตนพยายามสื่อสารว่าดีลแลกประเทศคืออะไร แล้ววันนี้เป็นครอบครัวนายกฯ รัฐมนตรี รวมถึงเพื่อนสมาชิกฝั่งนั้น ที่ตนกล่าวหา เรียกว่าข้อเท็จจริง ท่านร่วมขบวนการกับพวกเขาแล้ว มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้
นายกฯ และ ครม.ทุกท่าน 2 วันที่ผ่านมา ท่านพยายามโยนคำกลับมาพวกตน พวกผลิตวาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ อยากให้ทุกท่านเข้าใจว่า ถ้าไม่ใช่ญัตติทั่วไปคงไม่กล่าวหาแบบนี้ แต่ครั้งนี้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กล่าวหาท่านก็ชี้แจง มองในอีกมุมท่านบอกว่ากำลังทำหน้าที่ กำลังเรียนรู้ กำลังมีวุฒิภาวะ ท่านกลับใช้วิธีการว่า โยนข้อกล่าวหากับมาให้ตน มันถูกต้องหรือ ตรรกะมันย้อนแย้ง
แล้วการที่มาอธิบายเหตุผลว่า ตัวท่านโดนวิพากษ์วิจารณ์ ตนพูดถึงภาวะความเป็นผู้นำกับท่านน้อยครั้งมาก แต่ท่านโต้ตอบกับการถูกวิจารณ์ในตำแหน่งนายกฯ ท่านขาดภาวะความเป็นผู้นำ โดยการกดคนอื่น ว่าคนอื่นกลับมา ท่านคิดว่าเป็นตรรกะที่ดีหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนเป็นนายกฯ ควรทำหรือไม่ การแสดงออกของท่านที่เราตั้งคำถามถึงนายกฯ 3 ข้อในวันนี้
ประเด็นอื่น ๆ ไฟฟ้าที่แพง เหมืองทองอัคราฯ ไม่ได้เกิดในรัฐบาลชุดนี้ แต่ท่านอยู่ในอำนาจ ทำไมไม่ออกมายืนยันว่าจะออกมาแก้ไข หลายอย่างที่ยืนยันไม่ใช่ข้อกล่าวหา เรื่องเหมืองทองอัคราฯนี่ชัดเจน เป็นข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ มีดิจิทัลฟุตปริ้นเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้คำตอบว่า จุดยืนเพื่อไทยทำไมถึงเปลี่ยน่ไป
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า คิดว่ายังมีอีกหลายเรื่อง ขอเป็นเรื่องสุดท้ายที่นายกฯเปิดใหม่นอกญัตติที่ตนเสนอ เรื่องดีลที่บอกว่าเป็นเรื่องปกติในโลกการเมือง ดีลอย่างไรให้โปร่งใส ดีลให้ประชาชนได้ประโยชน์ นั่นคือที่มาของสาระสำคัญที่วันนี้ เลยพวกเราต้องกล่าวหา เหตุผลในการทำนโยบายแต่ละด้าน เหตุผลในการตัดสินใจต้องโกหกประชาชน ที่ท่านเคยสัญญาไว้คืออะไร เราได้เข้าใจการเมืองความเป็นจริงมากขึ้น แต่ท่านไม่มี เพราะท่านพูดไม่ได้ พูดไปแล้วไม่มีใครเข้าใจ เพราะดีลนั้นไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศ เพราะอยู่กับคนได้รับประโยชน์ไม่กี่กลุ่ม สรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ถ้าดีลเกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ นักการเมืองมาพูด หล่อจะตาย ทำไมไม่พูด แต่มันไม่ใช่ ถึงเป็นสิ่งที่ตนตั้งคำถาม
แต่ละประเด็นที่อภิปราย 2 วันนี้ เริ่มที่ประเด็นแรก เรื่องภาษี สส.วิโรจน์ ลักขณาอดิสร กล่าวหาท่าน เรื่องภาษีการรับให้ นายกฯช่วยมาตอบชี้แจงในสภาฯว่าวางแผนจะจ่ายอยู่แล้ว หลายคนชี้แจงว่าเป็นการบริหารภาษี ไม่ใช่หนีภาษี มี 2 คำถาม ถ้านายกฯกรุณาตอบ ถ้าวันนี้ สส.วิโรจน์ ไม่ลุกมาถามคำถามนี้ ท่านวางแผนจะจ่ายภาษีเมื่อไหร่ หรือรอไปเรื่อย ๆ เพราะตั๋ว PN ไม่มีกำหนดชำระ ไม่มีดอกเบี้ย
“อีกหนึ่งคำถามโดยสามัญสำนึกของวิญญูชน ประชาชนทั้งประเทศที่ติดตามการอภิปราย ถ้าทุกคนในประเทศที่เป็นนักธุรกิจ มีหุ้น มีเงินแบบนายกฯ แล้วจะโอนหุ้นให้คนในครอบครัว แล้วใช้วิธีเดียวกับนายกฯ ทุกคนทั้งประเทศ ถามสามัญสำนึกวิญญูชนทั่วไป เป็นวิธีถูกต้องหรือไม่ ไทยจะจัดเก็บภาษีมรดกได้หรือไม่ แล้วจะมีไว้ทำไม สำหรับผมประเด็นนี้ ไม่ต้องเล่นโวหาร ไม่ต้องเถียงกันว่าหนีภาษี หรือวางแผนภาษี เรียกว่าธุรกรรมอำพราง วางแผนเพื่อหนีภาษี จะได้เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ประเด็นต่อไป ปลาหมอคางดำ ท่านนายกฯก็กรุณาตอบในที่ประชุม ตอบว่า รัฐบาลที่ผ่านมามีมาตรการแก้ไขมาแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต แถมท่านยังอุตส่าห์ตั้งงบประมาณไว้ 98 ล้านบาทในการแก้ไขเรื่องนี้ คำถามที่ สส.ณัฐชา บุญไชยสวัสดิ์ ถามนายกฯ ไม่ได้ถามว่าใช้งบกี่บาทแก้ไข แต่ตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่ ที่รัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เอาบริษัทต้นเหตุต่อปัญหานี้มารับผิดชอบ ทำไมบริษัทกลุ่มทุนที่เรากล่าวหาท่านว่า ใกล้ชิดกับรัฐบาล ถึงไม่เคยถูกดำเนินคดีใด ๆ ทำไมต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปรับผิดชอบต่อการกระทำความผิดต่อกลุ่มทุนนั้น นายกฯจะดำเนินคดีกับบริษัทนี้เมื่อไหร่
ประเด็นถัดมา เรื่องฝุ่น PM 2.5 สส.ภัทรพงศ์ ลีลาภัทร์ ติดตามปัญหานี้มาโดยตลอด พูดแล้วพูดอีก มาตรการมีให้รัฐบาลชัดเจน นายกฯก็เลือกตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ จัดการปัญหาฝุ่นดี ตัวเลข 16% ที่บอกฝุ่นดีขึ้น คือตัวเลข HotSpot จุดความร้อนที่หายไป 16% สิ่งที่ สส.ภัทรพงศ์ ถามคือ เมื่อไหร่เราจะอยู่โลกเดียวกัน เมื่อไหร่เราจะมีตัวชี้วัดถูกต้องในการแก้ไขปัญหานี้
นอกจากนี้ยังมีประเด็น เทมส์ วัลลีย์ เรื่องการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ประเด็นการออกธุรกิจโรงแรมมิชอบด้วยกฎหมาย ประเด็นการออกโฉนดแน่นอน เมื่อวานตอนกลางคืน นายวราวุธ ตอบเรื่องโฉนดที่ดิน เรื่องนี้ต้องถูกตรวจสอบข้อมูล เขตต้นน้ำเป็นอย่างไรกันแน่ ตนยังยืนยันข้อมูลของฝั่งตนถูกต้อง โดยวานนี้นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงชัดเจนในที่ประชุม หน่วยงานออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมปี 2562 แต่อย่าลืมที่นายธีรัจชัย อภิปรายไป โรงแรมนี้เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่ปี 2557-2562 ไม่รู้ว่าธุรกิจนี้อยู่ในสถานะใด ถูกหรือผิดกฎหมายหรือเปล่า
ประเด็นต่อไป เรื่องชั้น 14 สส.รังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายว่า พวกเราทราบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดก่อน ๆ แต่สิ่งที่ สส.รังสิมันต์ แสดงข้อมูลให้ประชาชนรับทราบ นายกฯ อยู่ในฐานะพยานรู้เห็นเป็นใจสถานะของคุณพ่อตัวเองมาโดยตลอด สิ่งที่พวกเราอยากได้คำตอบว่า ตกลงแล้ว คุณทักษิณ ป่วยเป็นอะไรกันแน่ ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษ ไปอยู่ชั้น 14 แค่นี้เอง ข้อเท็จจริงที่เรายังไม่ได้คำตอบ
เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สส.รักชนก ศรีนอก ได้อภิปรายใช้เวลาในห้องประชุมแห่งนี้นาน แต่ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า ข่าวที่ออกมาเรื่อง พ.ร.ก.แบ่งความรับผิดชอบจากสถาบันการเงิน เมื่อไหร่จะออกมาซักที นี่คือสิ่งที่พวกเราตั้งข้อสงสัยอยู่ ยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ได้ตั้งข้อกล่าวหาหลายข้อ พาดพิงนายกฯโดยตรง ไม่ว่าขาดความรู้ความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ ขาดเจตจำนงทางการเมือง อย่างน้อย ๆ ถ้าท่านอยากแสดงออกว่าท่านมีเจตจำนงทางการเมืองจริง อย่างที่ได้บอกไป เรื่องความรู้ความสามารถ เป็นสิ่งที่รวบรวมกันได้ เรื่องวุฒิภาวะ เป็นเรื่องที่ฟังเยอะ ๆ จะมีวุฒิภาวะมากขึ้น
“เรื่องเจตจำนงทางการเมืองเราอยากได้ยิน 3 ข้อหลัก เมื่อไหร่รัฐบาลชุดนี้ ที่เราตั้งชื่อว่าดีลแลกประเทศ จะหยุดเอาใจกลุ่มทุน หยุดบิดเบือนกฎหมาย บิดดำเป็นขาว สรุป 3 ข้อง่าย ๆ จาก 2 วันที่ผ่านมา ผมรอนายกฯใช้สิทธิพาดพิง แต่ท่านก็ยังไม่มา เป็นที่น่าเสียดายพี่น้องประชาชน อดฟังวิสัยทัศน์ อดฟังคำตอบของนายกฯ” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวปิดท้ายว่า ด้วยเหตุและผลที่บอก โดยขอกล่าวหาว่านายกฯ จงใจทำธุรกรรมอำพราง วางแผนเพื่อหนีภาษี ตนกล่าวหาให้นายกฯเสียหายอีกครั้ง ว่าท่านอิงแอบกับกลุ่มทุน เอาใจอำนาจเก่า ละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเองในฐานะนายกฯ ขอกล่าวหาอีกหนึ่งครั้งที่ท่านสามารถใช้สิทธิพาดพิง ว่าท่านไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา เลือกแต่ตัวเลขดี ๆ มาหลอกสังคม หนีความเป็นจริง 3 หนี และตอนนี้วางแผนเพื่อหนีภาษี ละเว้นหนีหน้าที่ ทำตัวหนีความจริง ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ทำให้ไม่สามารถไว้วางใจนายกฯให้ดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ได้นัดประชุม 26 มี.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เพื่อลงมติไว้วางใจ หรือไม่ไว้วางใจนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสรุปอภิปรายนั้น เกิดการประท้วงกันอย่างกว้างขวาง ระหว่างฝ่ายค้า นและฝ่ายรัฐบาล โดยผู้นำฝ่ายค้านได้อภิปรายในลักษณะตั้งคำถาม และไม่ได้รวบรัดสรุปประเด็น พร้อมกับเรียกร้องให้นายกฯใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงได้อีกครั้ง ทำให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลประท้วง โดยอ้างว่า ในการสรุปอภิปรายนั้น นายกฯ หรือผู้ถูกพาดพิงไม่สามารถชี้แจงได้แล้ว