เปิดที่มา ‘เอกชนจีน’ อวดสร้างตึกใหม่ สตง. ก่อนถล่มหลังแผ่นดินไหว

เปิดที่มา ‘CRCC’ เอกชนจีนโชว์ความสำเร็จร่วมสร้างตึกใหม่ สตง. 2.1 พันล้านบาท ก่อนเกิดเหตุถล่ม หลังมีแผ่นดินไหว ล่าสุด ลบข้อมูลผ่านโซเชียลฯไปหมดแล้ว
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว 8.2 ริกเตอร์ ลึก 10 กิโลเมตร ศูนย์กลางที่มัณฑะเลย์ เมียนมา มีหลายจังหวัดในไทยได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะใน กทม. และปริมณฑล เบื้องต้นมีเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ มูลค่ากว่า 2.1 พันล้านบาท ถล่มลงมา หลังจากสร้างโครงสร้างพื้นฐานเสร็จไปแล้ว 33 ชั้น ทำให้คนงานก่อสร้างติดอยู่ภายในซากอาคารจำนวนมาก และมีผู้เสียหายนับร้อยคน เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบคน จนสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้นั้น
เบื้องต้น กรุงเทพธุรกิจตรวจสอบพบว่า โครงการนี้ถูกชงสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 ก่อนมาปรับเปลี่ยนงบประมาณออกเป็น 2 ก้อนเมื่อปี 2563 แบ่งเป็น 1.งานก่อสร้างอาคารดังกล่าว วงเงิน 2.1 พันล้านบาทเศษ ดำเนินการโดย กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด)
2.ผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้าง วงเงิน 74.6 ล้านบาทเศษ ดำเนินการโดย กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จํากัด และ บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้น จํากัด)
อ่านข่าว: เปิดตัวทุนจีน – เบื้องลึกตึกใหม่ สตง. 2.1 พันล. ชงสร้างข้ามทศวรรษ
เฟซบุ๊กแฟนเพจ “รู้ทันจีน” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กที่มักจะวิพากษ์วิจารณ์โครงการ และนโยบายต่าง ๆ ของประเทศจีน ได้แปลข่าวภาษาจีนอ้างอิงจากสำนักข่าวออนไลน์ https://news.goalfore.cn/ ซึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับเอกชนของจีนที่เข้าไปร่วมก่อสร้างโครงการแห่งนี้ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา
โดยแฟนเพจ “รู้ทันจีน” ตั้งข้อสังเกตว่า “ใช่เกี่ยวข้องกับตึกที่ถล่มตรงจตุจักรไหมครับช่วยผมเช็คหน่อย” ก่อนแปลข่าวดังกล่าว ว่า โครงการอาคารสำนักงานใหม่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติไทยเสร็จสิ้นโครงสร้างหลัก: ความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทจีนในกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติของประเทศไทย (Thailand Office of the Auditor General) ได้เข้าสู่หมุดหมายสำคัญ เมื่อ โครงสร้างหลักของอาคารเสร็จสมบูรณ์แล้ว (ภาษาจีน: 主体结构封顶) หลังจากการเทคอนกรีตชั้นสุดท้ายสำเร็จ โดยโครงการนี้ดำเนินงานโดย บริษัทจงเที่ยสือจวี่จี๋ตวน (China Railway No.10 Engineering Group – CRCC) หนึ่งในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจจีนขนาดใหญ่
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่เพียงความคืบหน้าในระดับกายภาพ แต่ยังถือเป็น โครงการอาคารสูงพิเศษ (超高层建筑) แห่งแรกในต่างประเทศของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านวิศวกรรมของจีนที่กำลังก้าวรุกเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง
โครงการใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่สะท้อนพลังของรัฐ
อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ทางทิศตะวันตกติดกับ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และทางทิศตะวันออกอยู่ติดกับ สวนสาธารณะแห่งชาติกรุงเทพ เป็นทำเลที่สะท้อนทั้งความสะดวกในการเดินทางและภาพลักษณ์ความมั่นคงของหน่วยงานรัฐ
ตัวโครงการประกอบด้วย 3 อาคารหลัก ได้แก่
• อาคารสำนักงาน
• อาคารประชุม
• อาคารจอดรถ
รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 96,041 ตารางเมตร โดยเฉพาะอาคารสำนักงานหลักมีความสูงถึง 137 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่อาคารสูงพิเศษตามมาตรฐานสากล และต้องอาศัยเทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงตลอดกระบวนการ เมื่อแล้วเสร็จ อาคารนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางบริการภาครัฐและสาธารณชนแห่งใหม่ของไทย
เทคโนโลยีก่อสร้างขั้นสูง: ความท้าทายและการจัดการอย่างมืออาชีพ
โครงการนี้ได้นำเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่ที่ซับซ้อนมาใช้หลายด้าน โดยเฉพาะในบริบทของอาคารสูงพิเศษ เช่น
• โครงสร้าง “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” (核心筒+无梁楼板): ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของอาคารต่อแรงลมและแรงแผ่นดินไหว
• เทคนิคแบบสไลด์ (滑模施工技术): ใช้อุปกรณ์เลื่อนแบบหล่อขึ้นทีละ 1.2 เมตร ควบคุมความหนาของคอนกรีตไม่เกิน 25 ซม. และรักษาความแม่นยำในแนวนอนให้ไม่คลาดเคลื่อนเกิน 1 ซม.
• การติดตั้งแบบยก (抬模安装工艺): เพื่อสร้างพื้นไร้คานให้ได้ผิวเรียบและแข็งแรง ติดตั้งและรื้อถอนได้รวดเร็ว
• ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ (爬架施工工艺): เพิ่มความปลอดภัยและความเร็วในการก่อสร้าง พร้อมประหยัดวัสดุ
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตั้ง กลุ่มวิจัยเทคนิคเฉพาะทาง เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในการก่อสร้างอาคารสูงพิเศษในบริบทต่างประเทศ
ระบบภายในและความแม่นยำระดับมิลลิเมตร
ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนติดตั้งระบบภายใน ทีมวิศวกรรมได้วางแผนการวางท่อและสายไฟอย่างละเอียดลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายคือ “ไม่มีการชนกันของระบบท่อและสายไฟ” (多向管线零碰撞) แม้ในพื้นที่แคบที่สุด ส่งผลให้เกิดโครงสร้างภายในที่ทั้งเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพในการใช้งานระยะยาว
ความปลอดภัยและคุณภาพ: มาตรฐานจีนในสากล โครงการนี้ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและคุณภาพ โดยมีมาตรการเข้มงวด ได้แก่:
• อบรมพนักงานครอบคลุม 100% ทั้งด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และคุณภาพ โดยเฉพาะช่วงเริ่มงาน หลังวันหยุด และเปลี่ยนกะ
• อบรมเฉพาะทาง สำหรับเจ้าหน้าที่ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานพิเศษ เพื่อป้องกันการทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
• ตรวจสอบประจำวัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานไทย มาตรฐานระดับชาติของจีน และมาตรฐานอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ
ความสนใจจากรัฐบาลไทย: โครงการเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักของรัฐที่มีบทบาทในการควบคุมและตรวจสอบงบประมาณของประเทศ โครงการนี้จึงได้รับความสนใจจากรัฐบาลไทยในหลายมิติ ทั้งด้านความคืบหน้า ความปลอดภัย และมาตรฐานงานวิศวกรรม โดยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหลายครั้ง พร้อมแสดงความพึงพอใจในคุณภาพของงานก่อสร้าง
ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทจงเที่ยสือจวี่
ตัวแทนจาก บริษัทจงเที่ยสือจวี่ กล่าวในงานปิดโครงสร้างว่า “โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นอาคารสูงพิเศษแห่งแรกที่เราดำเนินการนอกประเทศจีน แต่ด้วยความร่วมมือระหว่างทีมงานและการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย เราจึงสามารถบรรลุหมุดหมายสำคัญนี้ได้อย่างสำเร็จ เราหวังว่าโครงการนี้จะกลายเป็นต้นแบบของการก่อสร้างที่มีคุณภาพในภูมิภาคนี้”
เม็ดเงินลงทุนและความสำคัญเชิงเศรษฐกิจ
แม้ในเอกสารจะไม่ได้ระบุมูลค่าโครงการโดยตรง แต่จากมาตรฐานอาคารสูงพิเศษขนาดใหญ่ในเอเชีย คาดว่า งบลงทุนอาจสูงถึง 100 ล้านหยวน ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 480 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน = 4.8 บาท ณ เมษายน 2567) ตัวเลขนี้สะท้อนถึง ความเชื่อมั่นและการขยายบทบาทของจีนในไทย อย่างมีนัยสำคัญ
บทสรุป: รากฐานใหม่ของความร่วมมือไทย-จีน
โครงการนี้ไม่เพียงเป็นแค่การก่อสร้างอาคารเท่านั้น แต่ยังเป็น หมุดหมายทางยุทธศาสตร์ ของความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรรม และการพัฒนาเมืองในอนาคต และเป็นหลักฐานว่าบริษัทจีนสามารถสร้างผลงานที่น่าเชื่อถือในต่างแดน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีศักยภาพอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้มีสื่อหลายสำนักพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ และประวัติของเอกชนจีนที่เข้าไปร่วมก่อสร้าง ทว่าล่าสุด เอกชนแห่งนี้ได้ไล่ลบข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องออกจากช่องทางออนไลน์ และโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว
ขณะที่มีรายงานข่าวจาก สตง.ว่า นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่า สตง.ได้เรียกประชุมผู้บริหารภายใน สตง.เพื่อหารือแก้ไขปัญหานี้โดยด่วนในวันนี้ (29 มี.ค.) ซึ่งที่ผ่านมา สตง.ยืนยันว่า ตึกนี้ได้ก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 30% และ สตง.ได้ตรวจรับงานไปแล้ว 20%