'สุดารัตน์' ค้านรัฐบาลเดินหน้าดันร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร

'สุดารัตน์' ค้านรัฐบาลเดินหน้าดันร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร

"สุดารัตน์" อัดรัฐบาลแพทองธาร ไม่สนวิกฤตชาติ เมินสหรัฐฯ ขึ้นภาษี กระทบส่งออกไทย ค้านเร่งดันกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร เอื้อทุนพวกพ้อง หวั่นไทยเป็นศูนย์กลางอบายมุข

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2568 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุถึงท่าทีของรัฐบาลแพทองธาร  ชินวัตร ที่เร่งรัดผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ว่า รัฐบาลชุดนี้เลือกที่จะเลี่ยงการนำร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่กลับเดินหน้าเต็มสูบหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็นำเข้าอนุมัติใน ที่ประชุม ครม.ทันที  รวมทั้งรีบลงไปดูพื้นที่ ก่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ จ.ภูเก็ตถึง 2ครั้ง และกำลังจะนำเข้าสภาฯในสัปดาห์นี้ ดูเร่งรีบเกินเหตุ ถือเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับปัญหาของประเทศที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ และควรให้ความสำคัญมากกว่าการทำบ่อน

โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ การส่งออก หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าวันที่ 2 เม.ย. เป็นวัน Liberation Day หรือ วันปลดแอกสหรัฐอเมริกา โดยจะขึ้นภาษีนำเข้ากับ 15 ประเทศที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐ โดยเรียกว่ากลุ่ม Dirty 15 ซึ่งไทยติดอันดับที่ 10 ที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯสูงถึง 46,000 ล้านดอลลาร์  แต่ยังไม่เห็นการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังจาก  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงแค่ตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าทีมในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น 

"เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลควรจะเตรียมพร้อมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศ นายกฯควรตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยมอบรองนายกฯ หนึ่งคนเป็นประธานดูแลเรื่องนี้โดยตรง  อย่างเช่นที่ประเทศอินเดียและเวียดนามได้ดำเนินการแล้ว"

คุณหญิงสุดารัตน์ ยกตัวอย่างว่า หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสัก 10% เราจะกระทบอย่างมาก เพราะเรามีมูลค่าส่งออกในปี 2568 คาดว่าประมาณ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากขึ้นภาษี 10% ความเสียหายก็อาจไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทแน่นอน รวมถึงจะกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทย แต่รัฐบาลแพทองธาร กลับไม่มีความเคลื่อนไหว เหมือนปล่อยให้ผู้ประกอบการไทยเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ทำให้การส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ อยู่บนความเสี่ยง ในขณะที่ต้นทุนของผู้ประกอบการต้องเพิ่มขึ้น จากกำแพงภาษี ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจโดยตรง รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีโลกจะลดลง

คุณหญิงสุดารัตน์ เชื่อว่านักธุรกิจผู้ส่งออกส่วนใหญ่อยากเห็นรัฐบาล ผู้นำรัฐบาล น.ส.แพทองธาร  นำเรื่องที่สหรัฐฯ จะดำเนินการมาตรการทางภาษีกับไทยมาปรึกษาหารือในสภาถกแถลงกัน เพื่อหามาตรการรับมือในสัปดาห์นี้ แทนการเร่งผลักดัน Entertainment Complex ที่เต็มไปด้วยข้อกังขาในเรื่อง ทุจริตเชิงนโยบายที่จะพาเยาวชนไทย และผู้มีรายได้น้อย ให้กลายเป็นผีพนันประเทศเสี่ยงเป็นศูนย์กลางฟอกเงิน อบายมุขและอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกอำนาจในการตัดสินเรื่องสำคัญทั้งหมดให้กับ ซูเปอร์บอร์ด ปูทางเอื้อทุนพวกพ้อง 

“ดิฉันขอวิงวอนนายกฯ หยุดเดินหน้านำพาประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางอบายมุขทันที” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว