ชำแหละ 'ขบวนการอนุรักษ์' มวลชนเคว้ง 'รัฐพันลึก' ทรงพลัง

ชำแหละ 'ขบวนการอนุรักษ์' มวลชนเคว้ง 'รัฐพันลึก' ทรงพลัง

บทสรุปของกลุ่มอนุรักษนิยม มวลชนยังเคว้งคว้าง พรรคการเมืองไร้อุดมการณ์ แต่ “รัฐพันลึก”ยังทรงพลัง พร้อมจะก่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวิถีการเมืองไม่ปกติ

KEY

POINTS

  • “รัฐพันลึก” ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ตุลาการ ที่มีตำแหน่งหน้าที่บริหารราชการในรัฐปกติ แต่ร่วมทำกิจกรร

ปรากฏการณ์ “พลังอนุรักษนิยม” ออกมาเคลื่อนไหวต้านร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย ต้องเล่นเกมถอยชั่วคราว มีหลายมุมมองต่อการฟื้นตัวของกลุ่มอนุรักษ์

บ้างก็ว่า “กระแสสูง” ต้านระบอบทักษิณมาถึงแล้ว บ้างก็ว่า เพื่อไทยถอย เพราะปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล

อดีต สว.ที่คร่ำหวอดในแวดวงนักกิจกรรมการเมือง ประเมินว่า พลังมวลชนปีกอนุรักษ์ ยังเคว้งคว้าง นับแต่ “ลุงตู่” วางมือและไปทำหน้าที่ใหม่ ไม่ยุ่งกับการเมือง

การถอยของเพื่อไทย ปมกฎหมายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ปัจจัยชี้ขาดไม่ใช่มาจากมวลชนปีกอนุรักษ์ หากเป็นเกมใต้ดินของ “รัฐพันลึก” มากกว่า

ภาพรวมของพลังอนุรักษนิยม ยังมีหลายเฉดสี ยึดตัวบุคคลมากกว่าหลักการ อุดมการณ์ บางครั้งจึงมีการเปิดวิวาทะผ่านโซเชียล ราวกับอยู่คนละสี

ล่าสุด มีการแชร์คลิป “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ผ่านติ๊กต็อก และไลน์ ที่ประกาศว่า จะไม่ออกมานำม็อบต้านกาสิโน ก็มีอดีตเสื้อเหลือง และอดีตกองหนุน กปปส. ออกมาแสดงความเห็นมากมาย

ที่มาของคลิปนี้คือ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2568 สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต แกนนำ กปปส. ได้จัดงานบำเพ็ญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนที่วัดบ่อกรัง อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี

หลังพิธีทำบุญ ลุงกำนันจึงเปิดเวทีปราศรัยย่อยตามวัฒนธรรมงานบุญคนปักษ์ใต้ ได้เล่าถึงช่วงที่เป็นนักการเมือง และเป็นผู้นำมวลชนลงท้องถนน

ตอนหนึ่งสุเทพเล่าว่า มีญาติๆ มาถามว่า เมื่อไหร่จะให้ใส่รองเท้าผ้าใบไปกันอีก เขาตอบกลับไปว่า “พอได้แล้ว ที่ไปมาคราวก่อน คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด”

ประโยคนี้ที่หลุดจากปากลุงกำนัน ถูกตีความว่า อดีตแกนนำ กปปส.จะไม่ออกมานำม็อบต้านกาสิโน ทั้งที่ลุงกำนันพูดแค่ว่า “พอได้แล้ว”

ส่วนพลังนอกสภาฯ ที่มีการปักหลักชุมนุมต้านกาสิโนคือ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม

แกนนำส่วนหน้าที่เฝ้าเวทีการชุมนุมคือ “ตั้ม” พิซิต ไชยมงคล และนัสเซอร์ ยีหมะ เสนาธิการคือ จตุพร พรหมพันธุ์ และ “ทนายนกเขา” นิติธร ล้ำเหลือ

จะว่าไปแล้ว แกนนำอย่าง จตุพร พิชิต และทนายนกเขา ไม่ได้ทำให้ “นายใหญ่” หวั่นไหว ถึงขั้นส่งซิกให้แกนนำเพื่อไทยถอย

ที่น่าสนใจ ตัวละคร “คนหน้าเดิม” ได้แก่นักการเมือง นักวิชาการ และนักกิจกรรมต่างหาก ทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทย จับสัญญาณบางอย่างได้

ไม่ว่าจะเป็น “ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ” (สสร.) ปี 2550 และ “อดีตสมาชิกวุฒิสภา” (สว.) ปี 2551และปี 2562 รวมถึงอดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ที่มีทั้งชุด 40 สว.สมัยปี 2551 และชุด คสช.

สสร.ปี 2550 หรือ สว.ปี 2562 ก็คือผลพวงการรัฐประหาร 2 ครั้ง ที่มีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ และ กปปส.

ศูนย์อำนาจค่ายสีแดง ที่มีประสบการณ์ตรงจากการรัฐประหาร จึงเลือกที่จะถอย หากดันทุรังเดินหน้า อาจพบจุดจบเหมือน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ปี 2556

เหนืออื่นใด “รัฐพันลึก” (Deep State) ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ตุลาการ ที่มีตำแหน่งหน้าที่บริหารราชการในรัฐปกติ แต่ร่วมทำกิจกรรมแอบแฝงที่มีอำนาจเหนือรัฐปกติ โดยกระทำการแบบไม่เปิดเผย หรือทำแบบลับๆ

ที่ผ่านมา รัฐพันลึกสามารถสร้างสถานการณ์ เพื่อสั่นคลอนรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การรัฐประหาร ทั้งปี 2549 และปี 2557

อย่างช่วงสงกรานต์ มีขบวนการไอโอปั่นกระแส “วัยรุ่นง้อลุงตู่” ผ่านแอพ TikToK มีการขุดคำพูด “ไม่มีผมแล้ว ท่านคอยดูสิ จะคิดถึง” จนกลายเป็นไวรัล พร้อมกับติดแฮชแท็กรักลุงตู่

ถัดมา “โหร คมช.” วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ แห่งสำนักหลวงปู่เกวาลัน จ.เชียงใหม่ ได้ทำนายว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแน่นอน หลังเดือน พ.ค.นี้

“ผู้ที่มีหน้าที่แต่ใครมาทำหน้าที่ที่แท้จริง เราก็รู้อยู่เป็นใคร ในนิตินัยเรายอมรับได้ แต่ในพฤตินัยเป็นใคร เราย่อมรู้ดี...อาจจะมีผู้ที่มีหน้าที่บางท่านบางคนหลงเหลืออยู่ จะมีการรีเทิร์นกลับมาก็ได้”

พูดกันตามตรง โหรวารินทร์กำลังจะบอกสังคมว่า “ลุงตู่จะคัมแบ็ก” เหมือนโหรผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

ขบวนไอโอฝ่ายขวาและคำพยากรณ์ของโหรบางราย น่าจะเป็นการสร้างความหวัง ความฝันให้กับมวลชนอนุรักษนิยมมากกว่า

เนื่องจากพรรคการเมืองแนวอนุรักษ์ในรัฐสภา อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ หรืออดีตพรรคลุงตู่ ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่หวังของพวกเขา

กรณีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ทำนองเห็นด้วยกับ กม.สถานบันเทิงครบวงจร ได้ก่อให้กระแสลบฉายา “DNA ลุงตู่” จากหัวหน้าพีระพันธุ์

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ นับวันยิ่งอ่อนล้าราโรย ตามวัยและสังขารของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ไม่นับพรรคภูมิใจไทย ที่พยายามจะลอกคราบ “พรรคบ้านใหญ่” เป็นพรรคสีน้ำเงินเข้ม มวลชนอนุรักษ์ก็ยังไม่ชื่นชอบเนวิน ชิดชอบ และนักการเมืองบ้านใหญ่

นอกจากนี้ เซเลบฝ่ายขวาส่วนใหญ่ ยังไม่ไว้วางใจนักการเมืองอย่างเนวิน-อนุทิน-ชาดา จึงไม่ปลื้มกับการสร้างแบรนด์เป็นพรรคอนุรักษ์ใหม่ของค่ายสีน้ำเงิน

บทสรุปของกลุ่มอนุรักษนิยม มวลชนยังเคว้งคว้าง พรรคการเมืองไร้อุดมการณ์ แต่ “รัฐพันลึก”ยังทรงพลัง พร้อมจะก่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวิถีการเมืองไม่ปกติ