บ้านสมเด็จชี้โพลล์คลาดเคลื่อนเป็นเรื่องปกติ
ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ระบุ EXIT POLL คลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 % เป็นเรื่องปกติ
นายสิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวถึงคะแนนเลือกตั้งจริงที่ออกมาต่างจากการทำ EXIT POLL ว่า สาเหตุมี 2 อย่าง 1.ความคลาดเคลื่อนของโพลจะอยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ ผลจริงที่ออกมาคะแนนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และ พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ ห่างกันเพียง 1.5 % เกิดความคลาดเคลื่อนได้อยู่แล้วตามหลักสถิติ 2.การเก็บข้อมูลของ EXIT POLL จะเก็บข้อมูลตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเวลาบ่ายโมงครึ่ง แต่บ่ายโมงครึ่งจนถึงบ่าย 3 โมง คนมาใช้สิทธิช่วงนั้นเยอะ ผลคะแนนจึงมีความเปลี่ยนแปลง
สำหรับวิธีการทำ EXIT POLL ว่า ใช้คนเก็บข้อมูลทั้งสิ้น 500 คน 1 เขต ลงไป 10 คน 1 คนเก็บข้อมูล 40 ตัวอย่าง และแต่ละเขตมีการกระจายคนลงไปครบทุกแขวง อย่างเช่นเขตที่มี 5 แขวง ก็กระจายคนลงไปแขวงละ 2 คน และในการเก็บข้อมูลยังกระจายด้วยว่า ช่างอายุเท่าไหรเก็บข้อมูลเท่าไหร่ อาชีพอะไรเก็บข้อมูลเท่าไหร่ ซึ่งการเก็บข้อมูลในครั้งนี้ใช้ทั้งหมด 20,000 ตัวอย่าง
ส่วนกรณีที่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ถูกผู้ออกมาลงคะแนนหลอก นายสิงห์ กล่าวว่า ตนใช้แบบสำรวจที่เป็นความลับดังนั้นผู้ที่ลงคะแนนน่าจะบอกความจริง
นายสิงห์ กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ในครั้งนี้จะบ่งชี้ทางการเมืองอย่างไรบ้างนั้น ต้องดูคะแนนของผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยว่ามีความห่างมากน้อยแค่ไหน อย่างเขตที่เคยเป็นคะแนนของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2554 มีความเปลี่ยนแปลงหรือหรือไม่ ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงไปเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ก็แสดงให้เห็นว่า คน กทม. ยืนที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ต้องมาดูในเขตที่คะแนนสูสีซึ่งมี 20 เขต ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะในเขตคะแนนสูสี ก็แสดงว่า คน กทม. เลือกพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า และคะแนนจริงที่เห็นในขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ชนะในบางเขตที่คะแนนสูสี ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนอยู่ได้ และถ้าคะแนนระหว่าง ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กับ พล.ต.อ.พงศพัศ ห่างกันถึง 2-3 แสนคะแนนก็ต้องมองไปที่ตัวผู้สมัครว่าได้รับความนิยมขนาดไหนด้วย เพราะในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 54 คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของทั้งสองพรรคห่างกันเพียงหลักหมื่นเท่านั้น