หอบหลักฐานร้องดีเอสไอปราบมาเฟียภูเก็ต

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเอกสารเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เร่งสะสางกรณีชาวต่างชาติเข้ามามีพฤติกรรมรวมตัวเป็นแก๊งค์มาเฟียข่มขู่คุกคามนักท่องเที่ยวและว่าจ้างคนไทยให้เป็นนอมินีประกอบกิจการท่องเที่ยวครบวงจร โดยเงินรายได้จากการท่องเที่ยวไม่เข้าถึงประเทศไทยแต่ตกเป็นผลประโยชน์ของแก๊งต่างชาติ รวมถึงคดีอาชญากรรมที่กระทบกับการท่องเที่ยวอีก 2 คดี คือคดีฆ่าและข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เหตุเกิดที่จ.สุโขทัย และคดียิงนักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวอังกฤษที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

นายสมศักย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวฯได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของแก๊งมาเฟียต่างชาติมาจำนวนมากทั้งในพื้นที่จ.ภูเก็ต และพัทยา โดยเฉพาะในพื้นที่จ.ภูเก็ต ตนได้รับรายงานจากสถานฑูตหลายประเทศได้ประสานให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯเร่งปราบปรามและแก้ปัญหา เนื่องจากมีพฤติการณ์ข่มขู่และคุกคากนักท่องเที่ยวอย่างอุกอาจตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ต ไปจนถึงโรงแรม โดยจะต้องนั่งแท็กซี่ป้ายดำที่มาเฟียจัดหาไว้เท่านั้น หากใช้บริการแท็กซี่อื่นจะมีมาเฟียติดตามไปขวางรถและใช้มีดเคาะกระจกบังคับให้นักท่องเที่ยวลงจากรถเพื่อเปลี่ยนมาใช้บริการแท็กซี่ป้ายดำ นอกจากนั้นกลุ่มมาเฟียโดยเฉพาะชาวรัสเซียยังเข้ามาเปิดกิจการท่องเที่ยวครบวงจรโดยว่าจ้างคนไทยให้เป็นนอมินี โดยมาเฟียรัสเซียจะจัดตั้งบริษัททัวร์รับนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ ใช้แท็กซี่ป้ายดำ โรงแรม ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นเครือข่าย แม้แต่เตียงผ้าใบริมหาดก็ยังเป็นของกลุ่มมาเฟียรัสเซียทำให้เงินรายได้จากการท่องเที่ยวไม่เข้าสู่ระบบการคลังของประเทศ เรียกได้ว่าเป็น“ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หากไม่เร่งดำเนินคดีอย่างจริงจังจะกระทบเป้าหมายการนำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศ

"มาเฟียต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจครบวงจร หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ ไม่ได้สร้างรายได้ให้เข้าประเทศเพราะเงินทุกเหรียญจ่ายให้กับกิจการที่เป็นของชาวต่างชาติแม้แต่ร้านนวดแผนไทย กลุ่มมาเฟียก็เข้ามาถือครอง คนไทยจะมีรายได้ก็เพียง 1 บาท จากการเก็บค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะ ดังนั้นกระทรวงการท่องเที่ยวฯและดีเอสไอจะมีการสนธิกำลังร่วมกับจ.ภูเก็ตเข้าปราบปรามมาเฟียและนอมินีต่างชาติในเกาะภูเก็ตในวันที่ 25 ก.ค.นี้ โดยจะใช้ภูเก็ตเป็นโมเดลขยายผลไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น"รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวกล่าว

ด้านนายธาริต กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดีเอสไอจะเสนอให้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีพฤติการณ์อุกอาจ ที่ผ่านมาจากการมอบหมายให้พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ลงพื้นที่สอบสวนคดีบริษัท อเล็กซ์ ฮอลิเดย์ ทัวร์ ซึ่งถูกระบุเป็นกิจการของนอมินีรัสเซีย พบว่าเข้ามาทำธุรกิจทัวร์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเครือข่ายผู้ประกอบการจะขึ้นป้ายร้านเป็นภาษารัสเซียทั้งหมด ขณะการคิดค่าแท็กซี่จะคิดในอัตราสูงโดยเริ่มต้นที่ 600 บาท และบวกเพิ่มตามระยะทาง หากนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปใช้แท็กซี่ของกลุ่มอื่นจะถูกปิดล้อมและบังคับให้ลงจากรถ โดยผลการสืบสวนจากดีเอสไอพบมีบริษัททัวร์เข้าข่ายใช้นอมินีคนไทยเฉพาะในจ.ภูเก็ตมีกว่า 1,000 บริษัท นอกจากนี้ยังพบว่าในกรณีที่นักท่องเที่ยวป่วยแม้แต่รถฉุกเฉินโรงพยาบาลก็ไม่สามารถเข้าไปรับตัวได้ เพราะต้องใช้บริการรถแท็กซี่ออกจากโรงแรมเท่านั้นด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ดีเอสไอได้ประสานกงศุลและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงพื้นที่ไปด้วย โดยกงสุลจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการถอนวีซ่าของกลุ่มที่เข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมายเพื่อผลักดันออกนอกประเทศ ขณะที่ปปง.จะติดตามดำเนินการยึดทรัพย์