เผยอาชีพในฝันของเด็กไทยปี 61 อยากเป็น 'ครู-หมอ'
เผยผลสำรวจ "อาชีพในฝันของเด็กไทย" ครั้งที่ 9 ปี 2561 พบ "ครู" มาแรงอันดับหนึ่ง รองมาคือ แพทย์ นักกีฬา ทหาร และตำรวจ ขณะที่ "Got7-ตูน บอดี้สแลม" Top 5 ไอดอลในดวงใจ
จากการสำรวจ "อาชีพในฝันของเด็กไทย" ครั้งที่ 9 ปี 2561 "ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์" ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มบริษัท อเด็คโก้ ประเทศไทย ได้ทำโดยจากการสำรวจความคิดเห็นของเด็กไทย ที่มีอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,044 คน พบว่า อาชีพที่เด็ก ๆ ใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดคืออาชีพ "ครู" เพราะอยากถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น ปลูกฝังให้เด็กไทยเป็นคนเก่งและคนดีและเป็นอาชีพที่สุจริตและมั่นคง
ส่วนอาชีพที่มีคะแนนตามติดมาเป็นอันดับสอง คือ "แพทย์" โดยปีนี้น้องๆ อยากเป็นแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น แพทย์ทางด้านสมอง แพทย์ทหาร และแพทย์ผิวหนัง อันดับสาม ได้แก่ "นักฟุตบอล" เพราะเป็นกีฬาที่น้อง ๆ ชื่นชอบ ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มีค่าตอบแทนที่ดี และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าปีนี้มีอาชีพใหม่ ที่เด็กให้ความสนใจมากขึ้น ได้แก่ เกมเมอร์/นักแคสเกม เพราะอยากใช้ความชอบในการเล่นเกมมาประกอบอาชีพ สร้างรายได้และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ขณะเดียวกัน ก็มีเด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่สนใจอยากเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการเพราะต้องการอิสระในการทำงาน บางส่วนต้องการสืบทอดกิจการของครอบครัว ด้าน "เชฟ" เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มาแรงในปีนี้ โดยน้อง ๆ ให้เหตุผลว่าอยากเป็นเชฟเพราะอยากทำอาหารอร่อย ๆ ให้คนที่ทานมีความสุข
ส่วนอาชีพที่เท่ที่สุดในสายตาเด็กไทย อันดับหนึ่งคือ "ทหาร" รองลงมาคือ "ตำรวจ" "นักกีฬา" "ศิลปิน/ดารา" และ "แพทย์" ตามลำดับ สำหรับเหตุผลที่เด็ก ๆ คิดว่าทหารและตำรวจเป็นอาชีพที่เท่นั้นเพราะเป็นอาชีพที่ได้ปกป้องคุ้มครองประเทศ ได้รับใช้ประชาชนและประเทศชาติ เช่นเดียวกับอาชีพนักกีฬาที่เปิดโอกาสให้รับใช้ทีมชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจึงถูกมองว่าเป็นอาชีพที่เท่ในความคิดของเด็กไทย อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าถึงแม้ว่าครูจะเป็นอาชีพในฝันของเด็กอันดับต้น ๆ แต่กลับไม่ใช่อาชีพที่เท่สำหรับเด็กไทย
เมื่อถามถึงเงินเดือนที่เด็ก ๆ ต้องการ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 15,000-30,000 บาท โดยเงินเดือนสูงสุดที่เด็กไทยอยากได้ คือ มากกว่า 100,000,000 บาท ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าอาชีพในฝันที่เด็ก ๆ คิดว่าจะได้เงินเดือนสูงคือ อาชีพนักกีฬา เพราะหากเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงก็จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงตามมาด้วย โดยส่วนใหญ่จะนำเงินเดือนที่ได้ไปเลี้ยงดูครอบครัวและตนเอง ในขณะที่น้อง ๆ บางกลุ่มกลับคิดว่าหากได้ทำอาชีพที่ชอบแล้วจะได้รับเงินเดือนเท่าไรก็ได้ ขอแค่เพียงพอกับการดำรงชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัว เพราะการได้ทำสิ่งที่ชอบนั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจที่สุดแล้ว
สำหรับคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เด็ก ๆ อยากทำหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นมีคำตอบที่หลากหลายมาก แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า รองลงมาคือการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ขาดโอกาสในกลุ่มต่าง ๆ เช่น คนยากจน คนพิการ คนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร และ ผู้ประสบภัยต่าง ๆ ในขณะที่ประเด็นเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดและการทุจริต คอรัปชัน ก็เป็นประเด็นที่เด็ก ๆ ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
ด้านไอดอลในดวงใจของเด็กไทยอันดับหนึ่งยังคงเป็น "คุณพ่อ-คุณแม่" เพราะเป็นผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิด คอยสั่งสอนและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังแก้ปัญหาและเป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ อยู่เสมอ จึงเป็นฮีโร่ของน้อง ๆ ในทุก ๆ ด้าน อันดับสอง ได้แก่ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" โดยให้เหตุผลว่าพระองค์ทรงอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพสกนิกร ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านในการจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย
อันดับสามคือ ศิลปินจากแดนกิมจิวง "Got7" โดยให้เหตุผลว่าเป็นกลุ่มศิลปินที่มีความสามารถทั้งการร้องและการเต้น และมีสมาชิกในวงที่เป็นคนไทย คือ แบมแบม กันต์พิมุก อีกด้วย ตามมาด้วยอันดับที่สี่ คือ พี่แป้ง "Zbing Z." นักแคสเกมขวัญใจเด็ก ๆ โดยมองว่าพี่แป้งเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ทั้งความสนุกสนานและความรู้ ส่วนไอดอลขวัญใจเด็ก ๆ อันดับที่ 5 ในปีนี้ คือ "ตูน บอดี้สแลม" ซึ่งเด็ก ๆ ไม่เพียงชื่นชอบในผลงานเพลงเท่านั้น แต่ยังชื่นชมถึงความเสียสละ อดทน และการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมในการวิ่งระดมทุนซื้ออุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลน และเป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายของเด็ก ๆ อีกด้วย
เมื่อถามถึงวิชาเรียน พบว่า วิชาเรียนที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมากที่สุดยังคงเป็น "วิชาคณิตศาสตร์" ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือวิชา"พลศึกษา" "ภาษาไทย" "ภาษาอังกฤษ" และ "วิทยาศาสตร์" ตามลำดับ ส่วนวิชาที่น้อง ๆ อยากให้โรงเรียนสอนเพิ่มมากที่สุดคือ "ว่ายน้ำ" รองลงมาคือ "ภาษาจีน" "พลศึกษา" ที่เน้นกีฬาเฉพาะด้านมากขึ้น เช่น ฟุตบอล เทควันโด วอลเล่ย์บอล วิชาภาษาอังกฤษ และ วิชาอิสระที่ให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมที่สนใจ เพราะเห็นว่าควรลดเวลาเรียนและเพิ่มเวลาเรียนรู้ในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น
สิ่งที่สนุกที่สุดในวันหยุดของเด็ก ๆ คือ "การเล่น" โดยคะแนนเฉลี่ยของการเล่นเกมนั้นมีคะแนนที่สูงมากถึง 19.71% เมื่อเปรียบเทียบกับการเล่นอื่น ๆ รวมกันคือ เล่นโทรศัพท์ เล่นกับเพื่อน และเล่นฟุตบอล ที่มีคะแนนรวมกันไม่ถึง 10% ส่วนกิจกรรมที่ชอบทำรองลงมาคือ การไปเที่ยว ดูทีวี ฟังเพลง และ อ่านหนังสือตามลำดับ
ในปีนี้ได้มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูวีดีโอใน YouTube ของเด็กไทย พบว่าเด็ก ๆ มากกว่า 94% ดู YouTube โดยรายการที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับแรก คือ รายการเพลง ทั้งเพลงไทยและเพลง K-pop รองลงมาคือ เกม การ์ตูน รายการบันเทิง และ รายการทำอาหาร นอกจากนั้นยังมีน้อง ๆ บางกลุ่มใช้เวลาในการดู YouTube เพื่อเป็นแหล่งในการหาความรู้ที่สนใจ เช่น น้องที่อยากเป็นเชฟจะสนใจดูรายการสอนทำอาหาร หรือ น้องที่อยากเป็นพยาบาลก็จะเลือกดูคลิปเกี่ยวกับการสอนการปฐมพยาบาล เป็นต้น
สำหรับประเทศที่น้อง ๆ อยากอยู่มากที่สุดในโลกรองจากประเทศไทย คือ ประเทศญี่ปุ่น ตามมาด้วยประเทศเกาหลีใต้ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และ จีน
"จากผลสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทยปี 2561 ถึงแม้ว่าอาชีพที่เด็ก ๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นในปีนี้จะยังคงเป็นกลุ่มอาชีพที่มีความคล้ายคลึงกับปีที่ผ่านมา คือ ครู แพทย์ นักกีฬา แต่ในปีนี้เด็ก ๆ มีความสนใจที่เฉพาะทางในสาขาอาชีพต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น อยากเป็นครูสอนดนตรี ครูสอนคอมพิวเตอร์ หรือกรณีที่อยากเป็นแพทย์ ก็ระบุชัดเจนว่าสนใจที่จะเป็นแพทย์ด้านใด เช่น แพทย์ด้านสมอง แพทย์ทหาร หรือแม้กระทั่งแพทย์อาสาที่จะไปรักษาประชาชนในถิ่นทุรกันดาร อีกทั้งเด็กมีความสนใจที่จะทำอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาชีพด้านการบริการสาธารณะ สะท้อนให้เห็นว่าเด็กไทยเริ่มเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่น และทำประโยชน์ให้กับสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ผลสำรวจนี้ยังสอดคล้องกับเทรนด์โลกในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่มีความตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญกับคุณค่าทางสังคมมากขึ้น"