ราชทัณฑ์เล็งออกประกาศให้เขตอุตสาหกรรมเป็นเขตเรือนจำ ส่งนักโทษฝึกงานสร้างอาชีพ ทำงานเต็ม 8 ชม.ต่อวัน ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับเรือนจำ ตั้งเป้าลดการทำผิดซ้ำ
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่าศึกษาข้อกฎหมายเพื่อประกาศให้เขตประกอบการอุตสาหกรรมภายนอก ที่ใช้เป็นสถานที่ฝึกทักษะอาชีพให้กับผู้ต้องขังเป็นเขตเรือนจำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการฝึกทักษะอาชีพให้กับนักโทษที่มีความประพฤติดี คงเหลือโทษจำคุกน้อย ออกไปทำงานและเข้าพักภายในเรือนนอนหรือหอพักคนงานของสถานประกอบการ โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่งนักโทษเข้าออกเรือนจำ เนื่องจากที่ผ่านมานักโทษที่ออกไปฝึกทักษะอาชีพในสถานประกอบการที่ทำความตกลงกับกรมราขทัณฑ์ ต้องเดินทางไปทำงานในลักษณะเช้าไปเย็นกลับ จึงทำงานได้วันละไม่เกิน 6 ชั่วโมงเพราะต้องกลับเข้าเรือนจำก่อนเวลา 16.00 น. จึงมีความคิดที่จะแก้ระเบียบเรือนจำ เพื่อให้นักโทษได้ฝึกงานอย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้นักโทษได้รับเงินค่าแรงเก็บสะสมเป็นเงินก้นถุงสำหรับเป็นทุนประกอบอาชีพหลังพ้นโทษได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นแรงจูงใจให้นักโทษกลับตัวเป็นคนดี ไม่กระทำความผิดซ้ำ และไม่เป็นบุคคลเสี่ยงที่จะทำร้ายสังคมอีก
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า สำหรับเงินส่วนแบ่งจากการฝึกอาชีพ หรือรายได้จากงานบริการ การสร้างผลงานประดิษฐ์ของผู้ต้องขัง ซึ่งมีระเบียบการปันส่วนรายได้ ให้ผู้ต้องขัง 50% ผู้คุม 25% และเรือนจำ 25% ในอนาคตมีความคิดที่จะปรับสัดส่วนให้ผู้ต้องขังได้รับส่วนแบ่ง 70% เพื่อส่งเสริมให้นักโทษที่มีความตั้งใจฝึกฝนทักษะอาชีพมีเงินสะสมสำหรับเป็นทุนประกอบอาชีพหลังปล่อยเพิ่มมากขึ้น
"หากเปรียบนักโทษเป็นคนป่วยของสังคม เรือนจำมีหน้าที่แก้ไขอาการป่วย สร้างงานสร้างอาชีพและสร้างความยอมรับจากสังคม. นักโทษหลบหนีก็ต้องตามจับ คนผิดอุกฉกรรจ์ต้องโทษประหารก็ประหาร เป้าหมายคือลดการกระทำความผิดซ้ำ ซึ่งมีตัวเลขชัดเจนว่า ในปีแรกหลังปล่อยมีผู้พ้นโทษทำผิดซ้ำกลับเข้ามา 17% ปีที่สอง 25% และปีที่สาม 25% หากคนกลุ่มนี้มีงานทำ มีรายได้เพียงพอ และไม่ถูกครอบครัวหรือสังคมทอดทิ้ง ก็มีโอกาสที่เขาจะกลับตัว อาชญากรที่ได้รับการแก้ไขแล้วควรได้รับโอกาสเพื่อไม่ให้พวกเขาทำผิดซ้ำ"อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์. กล่าวต่อว่า ในเรือนจำชั่วคราวบางแห่งมีโรงงานน้ำตาลของเอกชน เข้ามาสร้างอาคารภายในพื้นที่เรือนจำสนับสนุนการฝึกอาชีพ หรือวัดพัชรกิตยาภาราม จ.หนองบัวลำภู เจ้าอาวาสนักพัฒนาก็ส่งเสริมให้ผู้ต้องขังออกไปช่วยสร้างวัดและศาลาการเปรียญ เพื่อสร้างความยอมรับจากสังคม. เป็นเรือนจำชั่วคราวที่ให้พระเป็นผู้คุมทางจิตใจ. โดยแนวคิดเรื่องการส่งผู้ต้องขังออกไปฝึกอาชีพได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคสังคมและนิคมอุตาสาหกรรมต่างๆ
ก่อนหน้านี้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือตาม "โครงการประชารัฐ ร่วมสร้างงาน สร้างอาชีพผู้ต้องขัง" ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมราชทัณฑ์ กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ต้องขัง ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมด้านทักษะฝีมือ จริยธรรม รวมถึงสร้างรายได้ให้เป็นเงินทุนนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษ และไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำ ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ได้ส่งผู้ต้องขังชั้นดีออกไปฝึกทักษะฝีมือในโรงงานอุตสาหกรรม ได้รับอัตราค่าจ้างวันละ 325 บาทต่อคน