'ชัชชาติ' นำทัพเพื่อไทย ขอปชช.เลือกตั้งคนที่มีจิตวิญญาณปชต.

'ชัชชาติ' นำทัพเพื่อไทย ขอปชช.เลือกตั้งคนที่มีจิตวิญญาณปชต.

แคนดิเดทชิงนายกฯ จากเพื่อไทย ร่วมปราศรัยใหญ่ที่มหาสารคาม เตือนประชาชนอย่าหลงกลเผด็จการแอบแฝงเป็นประชาธิปไตย ขอออกมาเลือกตั้งให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้ ส.ส. 375 เสียง เอาชนะเผด็จการ

วานนี้ (22ม.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง ลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม โดยเริ่มต้นจากการนมัสการฯพระธาตุนาดูน (พุทธมณทลอีสาน) อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ที่นายชัชชาติเคยมากราบนมัสการพร้อมนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้ง ครม. สัญจร ปี 2557 ครั้งนี้นายชัชชาติขอพรให้สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตเป็นสิ่งที่ดีกับประเทศชาติ ไม่ว่าเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม

1_123

จากนั้น เดินเยี่ยมตลาดสดเทศบาลตำบลพยัคฆภูมิพิสัยเพื่อพบปะประชาชน รับฟังปัญหาจากพ่อค้าแม่ค้า และแพทย์โรงพยาบาลอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยที่มาต้อนรับ ซึ่งปัญหาที่พบคือประชาชนยังไม่ตระหนักต่อการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพ ขณะที่อุปกรณ์และงบประมาณในการรักษาพยาบาลยังไม่เพียงพอ จากนั้นนายชัชชาติ เดินไปเยี่ยมโรงเรียนอนุบาลพยัคฆภูมิพิสัยพูดคุยกับผู้ปกครองและคุณครู พบว่าที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณล่าช้ามากและการคำนวณงบประมาณต่อหัวของเด็กนักเรียน รวมทั้งการกำหนดวิทยฐานะของครูทำให้โรงเรียนมีครูที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่ครบทุกสาขาวิชาและไม่มีงบประมาณสำหรับจ้างครูชาวต่างชาติมาสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งโรงเรียนต้องหางบประมาณเอง

ทั้งนี้ นายชัชชาติยังได้พูดคุยกับนักเรียนอนุบาล โดยกล่าวว่า “เราเป็นทุกอย่างที่อยากเป็นได้นะน้องๆ คุณอายืนยัน ต้องขยันเรียนนะครับ และต้องเชื่อฟังคุณครูเพราะคุณครูเป็นผู้มีความรู้ ถ้าเราขยันเรียน เราเป็นได้ทุกอย่าง” ขณะเดียวกันนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข คือสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป แต่สิ่งที่น่าภูมิใจคือครูและหมอในจังหวัดมหาสารคามส่วนใหญ่คือคนในพื้นที่ที่ไปเล่าเรียนแล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ส่วนอนาคตกังวลหรือไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก นายชัชชาติกล่าวว่าคนไทยมีบทเรียนจากอดีต ตนจึงอยากขอให้ทุกคนลืมเรื่องเก่า ลดความขัดแย้งแล้วสวมเสื้อตัวเดียวกันคือ เสื้อประเทศไทย

2_195

จากนั้น นายชัชชาติขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขต 3 อ.พยัคฆภูมิพิสัย ที่มีประชาชนมาร่วมกว่าหมื่นคน โดยมีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายอดิศร เพียงเกษ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายจริวัฒน์ ศิริพานิชย์, นายสุรจิตร ยนต์ตระกูล, นายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส. มหาสารคาม, นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส. ร้อยเอ็ด, นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. มหาสารคาม เขต 1 โดยการกล่าวปราศรัยของนายชัชชาติมีใจความตอนหนึ่งว่า จากการลงพื้นที่ตนเห็นว่าสิ่งที่จังหวัดมหาสารคามต้องพัฒนาคือเรื่องน้ำและระบบชลประทานเพราะจะทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวเขตทุ่งกุลาร้องไห้เพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลชุดต่อไปจะต้องดูแลเรื่องนี้รวมไปถึงต้นทุนการผลิตและราคาข้าว ขณะเดียวกันการศึกษาต้องพัฒนาให้โรงเรียนในพื้นที่มีคุณภาพทัดเทียมกับโรงเรียนในกรุงเทพฯ เพื่อให้เยาวชนสามารถเลือกประกอบอาชีพได้ทุกอาชีพในอนาคต ส่วนการแพทย์ นายชัชชาติกล่าวว่าจะต้องพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับสร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคให้กับประชาชนจะลดงบประมาณของโรงพยาบาลในการรักษาคนไข้

นายชัชชาติ กล่าวยืนยันกับประชาชนว่า ‘ประชาธิปไตยกินได้’ เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงคือตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง เห็นปัญหาที่แท้จริงของประชาชน และแก้ไขให้ประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้น ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพิสูจน์มาแล้วว่าถ้าเอาคนที่มีประสบการณ์และทำเป็นจะแก้ไขปัญหาได้ แต่อย่าเข้าใจผิดเพราะประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง จะมีคนที่จิตใจไม่ใช่ประชาธิปไตย จิตใจเป็นเผด็จการ เอาการเลือกตั้งมาหลอกประชาชน แล้วแอบแฝงตัวเข้ามา ประชาชนต้องดูให้ออก โดยสังเกตุจาก 2 ข้อคือ ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมีเสรีภาพ ประชาชนต้องมีสิทธิ์มีเสียง อะไรไม่ถูกต้องวิจารณ์ได้ เห็นทุจริตต้องแก้ไข และประชาธิปไตยต้องมีความเท่าเทียมกัน ประชาชนต้องมีโอกาสที่เท่าเทียม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้านที่เป็นแหล่งเงินทุนสร้างอาชีพ

ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญ เพราะเป็นการแข่งขันกันระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องได้อย่างน้อย 375 เสียงเพื่อให้มากกว่า ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน ฝ่ายประชาธิปไตยจะแพ้ไม่ได้ ตนไม่ได้หมายถึงเพียงแค่พรรคเพื่อไทย แต่หมายถึงอนาคตของประเทศ อนาคตของความเป็นประชาธิปไตย อาจจะโดนพวกที่ไม่ได้เลื่อมใสในประชาธิปไตยแต่เอาการเลือกตั้งมาเป็นทางลัดเข้าสู่ระบบ แล้วทำให้ระบบประชาธิปไตยต้องถอยหลังไปอีก เพราะฉะนั้นครั้งนี้ขอให้พี่น้องออกไปเลือกตั้ง เลือกคนที่มีจิตวิญญาณเป็นประชาธิปไตยต้องเอาฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะ 375 เสียง