ด่วน! ศาลสั่งประหารชีวิต 'มินต์ เตง เอ' เจ้าของบัญชีฟอกเงินแก๊งยา

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.62 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อย.633/2561 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นาง มินต์ เตง เอ" (MYINT THEIN AYE) อายุ 43 ปี สัญชาติพม่า หนึ่งในสมาชิกกลุ่มค้ายาเสพติด (กลุ่มเทียน เอ) เป็นจำเลยในความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อน หรือขณะกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4,7,8,15,66,100/1 และพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3,4,6,14 โดยอัยการฟ้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. – 1 ก.พ.59 "นางมินต์ เตง เอ" จำเลย กับพวกที่ยังหลบหนีและบางรายถูกดำเนินคดีแล้ว ได้สมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1(เมทแอมเฟตามีน) ซึ่งมีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำในการเป็นผู้จัดหา , ครอบครอง , เก็บรักษา , ลำเลียงยาเสพติด และหาเครือข่ายลูกค้าที่ต้องการยาเสพติด รวมทั้งจัดการเกี่ยวกับด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดดังกล่าว ซึ่ง "นาง มินต์ เตง เอ" จำเลย กระทำความผิดลักษณะให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ดำเนินการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน โดยเปิดบัญชีธนาคารและใช้บัญชีธนาคารของผู้อื่นในการรับโอนเงินค่ายาเสพติด และทำธุรกรรมทางการเงินตามคำสั่งของเจ้าของยาเสพติด อันเป็นการสนับสนุนกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

โดยขณะเกิดเหตุ "นาง มินต์ เตง เอ" จำเลย ร่วมกับพวก ช่วยเหลือกัน กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ชนิดเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของแมทแอมเฟตามีนและเป็นอนุพันธ์แอมเฟตามีน ชนิดผลึกสีขาวขุ่น จำนวน 27 ถุง น้ำหนักสุทธิ 26,722.250 กรัม ซึ่ง "นายจำรัส เด่นปรีชา" กับพวกรวม 3 คน ที่เป็นจำเลย คดีอาญาหมายเลขดำ อย.1853/2559 ของศาลนี้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษให้ประหารชีวิต และลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิตแล้ว กับ "นางฟอง ปทุมมณี" ที่ยังหลบหนีไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้จำหน่ายยาเสพติดดังกล่าว ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ ในราคา 13,500,000 บาท โดยให้โอนเงิน จากการล่อซื้อยาเสพติดเข้าบัญชี ธ.กสิกรไทย สาขาแม่สาย ชื่อบัญชี "นาง มินต์ เตง เอ" และ "นางติน เมียน โม" (THIN MYAT MOE) พวกของจำเลยที่ยังหลบหนี อันเป็นการสนับสนุนกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 4 เครื่องที่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการกระทำความผิด และถุงกระสอบสีรุ้ง จำนวน 2 ใบ ที่ใช้ในการบรรจุยาเสพติด เหตุเกิดที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย,ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย , แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว , แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ , แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม , แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. เกี่ยวพันกัน

ขณะที่ "ศาล" พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้ว พยานโจทก์ ที่นำสืบมามีน้ำหนักให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่า จำเลย ได้ระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2) 66 วรรคสาม ประกอบพ.ร.บ.มาตการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 6 (1) ซึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการ โดยการกระทำของจำเลย เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐาน เป็นผู้สนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติดให้โทษเพียงบทเดียว พิพากษาให้ประหารชีวิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีดังกล้าว สืบเนื่องขากเมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ในขณะนั้น พร้อมด้วยกำลังตำรวจ บช.ปส. หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี เปิดปฏิบัติการไชยะสยบไพรี 61/1 “ยุทธการทำลายต้นไม้พิษ เสือสิ้นลาย” เพื่อจับกุม "นางมินต์ เตง เอ" สมาชิกเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเทียน เอ ขณะกำลังเดินทางเข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินในไทย ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน จากเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในไทย แล้วโอนไปยังโรงงานผลิตยาเสพติดในพม่า ซึ่ง ตำรวจ ปส.พบว่า พฤติการณ์รับโอนเงินจากการค้ายาเสพติดนั้นทำให้กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดต่างๆ มากว่า 10 ปี

โดยหนึ่งในนั้นคือ “เอก อ้วน” หรือนายจรัญ คำสด หรือนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวไปฟอกด้วยการเปิดร้านจิวเวอรี่ อัญมณี ร้านทอง และโรงแรมทั้งในฝั่งไทยและพม่าบังหน้า นอกจากนี้ ยังพบว่า เหตุดังกล่าวก็มีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายรายที่ถูกออกหมายจับดำเนินคดีด้วย