'สุเทพ' ชี้ 'อภิสิทธิ์' ลำบากแน่ ต้องเดินคนเดียว ชวดนายกฯ
"รปช." ปลื้มกระแสตอบรับโค้งสุดท้ายดีเกินคาด "สุเทพ" ชี้ "อภิสิทธ์" ลำบากแน่ ต้องเดินคนเดียวเพราะประกาศ "ทักษิณ" ก็ไม่เอา "ประยุทธ์" ก็ไม่เอา
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.62 หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล พร้อมด้วย แกนนำพรรค สุเทพ เทือกสุบรรณ นำผู้สมัคร ส.ส. รปช. ฝั่งธนบุรี สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และแถลงข่าวเปิดการหาเสียงปราศรัยใหญ่สนาม กทม.
โดย นายสุเทพ บอกถึงแผนการลงพื้นที่หาเสียงและเวทีปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยเน้นลงพื้นที่ด้วยการเดิน เป็นหลัก ขณะเดียวกันในเย็นวันนี้ก็จะมีการจัดเวทีปราศรัยขึ้น สวนเบญจสิริ กรุงเทพมหานคร จากนั้นก็จะแบ่งสาย ออกไปปราศรัยในภาคใต้ และในพื้นที่อื่นๆ โดย จะเน้นพูดถึงเรื่อง ความตั้งใจของภาพคือการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้สำเร็จตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ปฏิรูปแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และปฏิรูป กระบวนการยุติธรรม รวมถึงการยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สวนกระแสตอบรับพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง เป็นไปด้วยความพึงพอใจ
เมื่อถามถึงการจัดการเลือกตั้งของกกตที่ผ่านมาทั้ง นอกราชอาณาจักรและการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายสุเทพบอกว่า ส่วนตัวก็รู้สึกเห็นใจคณะกรรมการเลือกตั้งที่เหมือนเป็นมือใหม่ แต่ทั้งนี้คิดว่าอยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจ และขอฝากให้กกต. จัดการเลือกตั้งด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ขณะที่ พบว่าในหลายพื้นที่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกัน จึงอยากให้กกต. เข้าไปดูแลในส่วนดังกล่าว
ส่วนประเด็นที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะวัดหน้าพรรคประชาธิปัตย์บนเวทีปราศรัย จะเป็นการปัดความสัมพันธ์ระหว่างส่วนตัวกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ส่วนตัวได้ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ออกมาเดินขบวนกับ ประชาชนในปี 56 และ 57 แล้ว และได้ประกาศแล้วว่าจะไม่มีทางกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่าไม่มีอะไรที่โกรธเคืองกันเพียงแต่ในเรื่องของจุดยืน ทางการเมือง แตกต่างกัน ที่ส่วนตัวมองว่าระบอบทักษิณอันตรายต่อประชาชน และหากย้อนไปตั้งแต่การลงประชามติ
นายอภิสิทธิ์ก็แสดงจุดยืนว่าไม่เอารัฐธรรมนูญ อ้างว่าเป็นแล้วธรรมนูญที่เผด็จการร่างขึ้น สิ่งเหล่านี้มองว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับฝ่ายระบอบทักษิณ จึงทำให้ส่วนตัวรู้สึกผิดหวัง จนมาถึงณขณะนี้ที่ฝ่ายทักษิณและนายอภิสิทธิ์ บอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจ และมีการโจมตีว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างกับจุดยืนของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง จึงทำให้ส่วนตัวต้องออกมาตั้งคำถาม ว่านายอภิสิทธิ์จะร่วมมือกับ พรรคที่หนุนระบอบทักษิณใช่หรือไม่ ซึ่งวันนั้นส่วนตัวได้ปราศรัยเป็นภาษา ปักษ์ใต้ จึงฟังดูแล้วรู้สึกว่าก้าวร้าวแต่จริงๆนั้นไม่มีอะไร
ขณะที่ต่อมานายอภิสิทธิ์ ออกมาแถลงว่าไม่เอาระบอบทักษิณเช่นกันส่วนตัวจึงเข้าใจ แต่ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ก็จะต้องอยู่คนเดียว รายการที่อยู่คนเดียวก็คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะว่าจะต้องมีคนอื่นคอยช่วยเหลือ และ ที่ส่วนตัวเคยพูดว่าสมัยก่อนเคยช่วยให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาทวงบุญคุณ แต่พูดความจริงว่าคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ทำด้วยเพียงตัวคนเดียวไม่ได้
ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุยส่วนตัวกับนายอภิสิทธิ์ และคนในพรรคประชาธิปัตย์เลยหลังจากที่เดินออกจากพรรคมาแล้ว