'ภท.' ลั่นเป็นม้ามืด เบียดเข้าเส้นชัยจัดตั้งรัฐบาล
"ภูมิใจไทย" ลั่นเป็นม้ามืด เบียดเข้าเส้นชัย ย้ำตั้งเป้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมวาง 4 เงื่อนไขหากรวมรัฐบาล
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. แกนนำพรรคภูมิใจไทย นำโดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคฯ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ดร.อุไร อนันตสิน ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ตลาดกิตติสาทร ตลาดเช้าสะพาน2 ซอยเซ็นต์หลุยส์ ซอยเย็นจิต และศูนย์การค้าวรรัตน์ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมารอและให้การตอบรับอย่างอบอุ่นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ ยังได้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊กให้ผู้สมัครนั่ง ขับหาเสียงรอบตลาดด้วย
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่วันนี้ ทำให้เห็นว่าแนวนโยบายของพรรคภูมิใจไทย เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนชาว กทม. ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย ทำงาน 4 วัน และเรียน 4 วันต่อสัปดาห์ ส่วนอีก 1 วัน ให้ทำงานหรือเรียนที่บ้าน เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ลดมลภาวะ แก้ปัญหาการจราจร นโยบายเรียนออนไลน์ฟรีตลอดชีวิต นโยบายพักหนี้ กยศ. นโยบายขับแก็รบคาร์อย่างถูกกฎหมาย รวมถึงนโยบายปลูกกัญชาเสรีด้วย รวมทั้งภาคธุรกิจ ก็ให้ความมั่นใจในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคลำดับที่สามในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคฯ พูดยืนยันชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น เพราะพรรคเรามีนโยบายที่ดี ประชาชนจับต้องได้ ซึ่งทุกนโยบายที่เราเสนอ เรายึดหลักแก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาความเดือนร้อนให้กับประชาชนทั้งสิ้น
โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวต่อว่า มาถึงเวลานี้ผลโพลต่างๆ ทำให้เห็นชัดว่าพรรคภูมิใจไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ จนทำให้นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ที่เราบอกอย่างนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเราหลงตัวเอง แต่เราได้เห็นจริง พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ คือการลงพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนได้เห็น ได้เข้าใจ ในตัวตนของหัวหน้าพรรค ของผู้สมัครพรรค ที่สำคัญคือนโยบายของพรรค ซึ่งประชาชนสะท้อนออกมาเป็นกระแสตอบรับที่ดีในทุกพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าคูหา อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราจึงมีความหวังที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งนี้หากเราได้เป็นพรรคอับดับที่ 1 เราจะเชิญทุกพรรคมาร่วมกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ตามแนวทางการสร้างประชาธิปไตยที่แข็งแรง แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นพรรคลำดับที่ 1 เราขอยืนยันแนวทางการที่เราจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองใด พรรคนั้นจะต้องเปิดโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้ทำตามนโยบายที่ได้ให้กับประชาชนไว้ รวมถึง 4 หลักการสำคัญที่ท่านหัวหน้าพรรคได้ให้ไว้ในการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลทุกพรรคจะต้องเห็นพ้องกัน คือ 1.จะต้อง เทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี 2.การร่วมรัฐบาลต้องไม่ก้าวเข้าสู่ความขัดแย้ง 3.รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพในการทำงาน และ 4.พี่น้องประชาชนต้องได้รับการแก้ไขปัญหาปากท้อง ซึ่งถ้าไม่ได้ตามนี้ ตนเชื่อมั่นว่านายอนุทิน จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนแน่นอน คือ การเป็นฝ่ายค้าน
“พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่ม้ารองบ่อน แต่เราจะเป็นม้ามืด ที่เร่งฝีเท้าปาดหน้าเข้าเส้นชัยเอาชนะม้าเต็งได้ เพราะการที่พรรคภูมิใจไทยเดินหน้าการเมืองอย่างเข้มข้นทั้งการลงพื้นที่ทั่วประเทศ จะทำให้ประชาชนรู้ว่าพรรคมีความตั้งใจที่จะเข้ามาบริหารประเทศ เรายืนยันว่าเราจะยึดผลประโยชน์ชองชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งสิ่งเดียวที่เราจะไม่ทำคือทำลายประเทศและทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ยืนยันอีกครั้งเราต้องการเป็นพรรคลำดับที่1 เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่พรรครอร่วมรัฐบาล” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ขณะที่ ดร.อุไร กล่าวว่า การแข่งขันเขตนี้ ถือว่าเป็นการแข่งขันที่รุนแรง เพราะมีเจ้าถิ่นเดิม แต่พรรคภูมิใจไทย ก็มีนโยบายที่ชัดเจน และได้รับความสนใจจำนวนมาก พร้อมยืนยัน ไม่กังวลเจ้าของพื้นที่เดิม เนื่องจาก พรรคภูมิใจไทย มีความโดดเด่น รวมทั้งตนเองก็มีประสบการณ์ เป็นอดีต สก.ทำงานด้านท้องถิ่นเขตปทุทวัน รวมถึงมีอดีต สก.เขตบางรัก มาช่วยด้วย จึงทำให้มั่นใจ และจากการลงพื้นที่ ประชาชน ตอบรับมากขึ้น ส่วนกรณีผู้สมัครคนสำคัญอีกคนที่ถูกตัดสิทธิ จะมีผลต่อคะแนนมากน้อยแค่ไหนนั้น ยังไม่สามารถวัดได้ แต่พรรคภูมิใจไทย ก็ได้เปรียบ เนื่องจากก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่เล่นกีฬาสี ซึ่งประชาชนอาจเปลี่ยนมาสนับสนุนนโยบายของพรรคภูมิใจไทยแทน