'เสรีพิศุทธ์' แห้วชิงนายกฯ หลัง 'เพื่อไทย' ไม่เอา-หนุน 'ธนาธร' เหมาะกว่า
ไม่ให้ราคา! "เสรีพิศุทธ์" แห้วชิงนายกฯ หลัง "พรรคเพื่อไทย" ไม่เอา เผยยังหนุน "ธนาธร" เหมาะกว่า
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวการเสนอชื่อ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ 7 พรรค ว่า ไม่แน่ใจว่ากระแสข่าวมีที่มาอย่างไร เพราะจากการพูดคุยกันของ 7 พรรค ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเสนอบุคคลใด และหากดูข้อกฎหมาย จะมีเพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่สามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ เพราะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 25 คนในพรรค
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 พรรคยังมีแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีอย่างน้อยอีก 4 คน ซึ่งจะได้ปรึกษาหารือเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมระบุด้วยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังคงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คุณสมบัติต่างๆ ที่จะถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จึงยังไม่มีข้อขัดข้อง ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาในหลายๆด้าน ทั้งเรื่องข้อกฎหมาย เรื่องความเหมาะสม และเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
เลขาธิการพรรคเพื่อไทยมองการตั้งรัฐบาลฝั่งพลังประชารัฐไม่ลงตัว เพราะพรรคการเมืองยังยึดผลประโยชน์ส่วนตนเหนือสิ่งอื่นใด ทำให้สิ่งที่พูดคุยไว้กับพี่น้องประชาชน ถูกหลงลืมไป และมองเห็นอนาคตว่ารัฐบาลที่เกิดขึ้นจะเป็นรัฐบาลที่ต่อรองผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา สภาฯจะมีเสียงปริ่มน้ำ ทำให้การเมืองไม่มีความมั่นคง ปัญหาของประชาชนจะแก้ไขยากขึ้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของนักการเมืองหรือ พรรคการเมือง จนกลายเป็นปัญหา
ดังนั้นทั้ง 7 พรรคจะยึดมั่นในเจตจำนงของประชาชน และสู้ต่อไป เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า สิ่งที่ประชาชนตัดสินใจ ทุกคนยังยึดมั่น ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาเพื่อให้เสียงประชาชนมีความหมาย
นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่าแม้พรรคพลังประชารัฐจะเดินทางไปทาบทามพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเป็นทางการแล้ว แต่เชื่อทุกอย่างยังไม่ชัดเจน เพราะมีเสียงสะท้อนจากพรรคการเมืองที่ ไม่ต้องการเห็นพลเอก ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และการต่อรองที่ยังไม่ลงตัว
นายภูมิธรรม มองว่า สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลมีความเห็นต่างภายในพรรคซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่พรรคพลังประชารัฐก็มีปัญหาเช่นกัน ซึ่งจากรายงานข่าวปรากฏว่ามีความไม่พอใจเกิดขึ้น วันนี้จึงเห็นภาพความไม่ลงตัว ของพรรคการเมืองต่างๆปรากฏขึ้นในเกือบทุกพรรคการเมืองที่กำลังเจรจา และอยู่ร่วมกับรัฐบาล