'ผู้กองมนัส' ของจำเป็น 'บิ๊กตู่'
โชว์ชั้นเชิงการเป็นเนติบริกรให้เห็นอีกหน สำหรับ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เจ้าของวาทกรรมเปรียบเทียบรัฐบาลคสช. และรัฐบาลใหม่
ที่นำโดยคนคนเดียวกัน คือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็น “เรือแป๊ะ-เรือเหล็ก” ที่ออกมาอธิบายข้อกฎหมายของรัฐมนตรีใหม่ที่สังคมร้องยี้
โดยเฉพาะ “ผู้กองมนัส” หรือ ”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับเรื่องราวที่เป็นคดีความในอดีต
“วิษณุ” ชี้ให้เห็นว่าเรื่องข้อกฎหมาย กับ มาตรฐานทางจริยธรรม เป็นคนละเรื่องกัน ก่อนจะโยนกัปตันเรือเหล็กอย่าง “บิ๊กตู่” ว่ารู้คุณสมบัติรัฐมนตรีดีทั้งหมด และเป็นคนพิจารณาเรื่องจริยธรรม
จะว่าไป มุมหนึ่ง “บิ๊กตู่” อาจต้องการตอบแทนลูกน้อง อย่าง “ผู้กองมนัส” ที่ลงทุนลงแรงช่วย “พรรคพลังประชารัฐ” มาตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง จนกระทั่งช่วงฟอร์มรัฐบาล ที่คอยเป็นมือประสานพรรคร่วมและบรรดาพรรคเล็กๆ ต่างๆ จนเข้าที่เข้าทาง
อีกมุมก็มองได้เช่นเดียวกันว่า รัฐบาลประยุทธ์ 2/1 ที่แม้จะมี 250 ส.ว. ในมือ แต่อำนาจตามมาตรา 44 ที่สิ้นสภาพไปแล้วนั้น ย่อมเผชิญภาวะเสี่ยง ถูกกดดันรอบด้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการถูกสังคมโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์มากเข้าๆ ย่อมไม่เกิดผลดีทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนว่า คนที่เป็นเป้าหมายเบอร์ 1 ก็คือ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นเอง
ดังนั้น การได้ “ผู้กองมนัส” นั่งรัฐมนตรีย่อมถูกมองว่าได้สำหรับ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” มากกว่าเสีย อย่างแรกที่จะได้ ซึ่งยังไม่นับเรื่องผลงานการบริหารงานในกระทรวง คือ จะมีคนคอยคุมพรรคเล็กพรรคน้อยไม่ให้แตกแถว คอยเป็นมือประสานกับพรรคร่วมในบางกรณี
อย่างที่สอง การมี “ผู้กองมนัส” ร่วมในครม. ย่อมมีผลกับการขยายฐานเสียงให้พรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคเหนือ จะว่าไปแล้ว นาทีนี้คงไม่มีใครจะมีศักยภาพเพียบพร้อมเท่าผู้กองฯ อีกแล้ว และอย่างที่สาม “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” จะมีเกราะกันชนชั้นดี หรือของจำเป็นที่ต้องมีเอาไว้ การมี “ผู้กองมนัส” ซึ่งถูกมองว่าเป็นคนมีแผล ย่อมถูกจับจ้อง วิพากษ์วิจารณ์ ขุดคุ้ยไม่จบไม่สิ้น และนั่นจะเป็นการดึงจุดสนใจออกไปจาก “นายกฯ-รองนายกฯ” นั่นเอง
อีกทั้ง ความที่ผู้กองฯ มีพรรคพวกกว้างขวาง ใครที่จ้องโค่นนายของเขาย่อมต้องคิดหลายตลบเป็นธรรมดา