กกต.ยกคำร้อง “หญิงหน่อย-เมียสันติ” พ้นมลทิน ปมถูกกล่าวหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง “ปราศรัยหลอกลวงชาวเลย-จ่ายเงินซื้อเสียง
ทั้งนี้จากการพิจารณาข้อเท็จจริงจากรายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2562 คุณหญิงสุดารัตน์ได้ปราศรัยหาเสียงด้วยข้อความว่า “เขต 1 เลือก 1 ได้ 3 ได้”นายกป๊อก”เป็น ส.ส. เขตได้”ศุกร์ไกล” เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และได้สุดารัตน์เป็นผู้รับใช้" ซึ่งขณะปราศรัยหาเสียงดังกล่าว นายศุกร์ไกลได้ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยไปแล้ว แต่คุณหญิงสุดารัตน์ ไม่ทราบข้อเท็จจริงและเมื่อทราบข้อเท็จจริงก็ได้ชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบ ดังนั้นการกระทำของคุณหญิงสุดารัตน์ จึงเป็นการกระทำโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงไม่มีเจตนาหลอกลวงหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสี่คน กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ตามคำร้องแต่อย่างใด กกต.จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
นอกจากนั้นยังมีการเผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. เรื่อง การเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่ง กกต.ได้รับคำร้องและได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (ภรรยานายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง)ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) จากกรณีถูกกล่าวหาว่านางวันเพ็ญให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ซึ่ง กกต. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านางวันเพ็ญได้กระทำการตามที่กล่าวหา เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน พยานที่แจ้งเบาะแสไม่ได้รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง เพียงแต่ได้รับฟังมาจากการบอกเล่าของบุคคลอื่นว่ามีการแจกเงิน โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่ามีการกระทำดังกล่าว ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่านางวันเพ็ญกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด กกต.จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง