นายกฯ ยอมรับนโยบายค่าแรง 400 บ. ได้ทั้งแรงงานต่างด้าว ยอมรับเพิ่มภาระรัฐบาล
"ส.ส.พท." จวกนโยบายรัฐบาลแบบศรีธนญชัย ปลุก "ประยุทธ์" ลุกแจงยาว ยอมรับนโยบายค่าแรง 400 บ. ได้ทั้งแรงงานต่างด้าว ยอมรับเพิ่มภาระรัฐบาล โวย “ส.ส.” รับเรื่องเดือดร้อนจากผู้ค้า ไม่อธิบายตลาด-พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อรัฐสภา ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองอภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิบัติของนโยบายรัฐบาล อาทิ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่านโยบายของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากส่วนราชการ ทั้งนี้รัฐบาลปัจจุบันที่ประกอบด้วยหลายพรรคการเมือง ไม่มีช่วงฮันนิมูน และเป็นสิ่งที่ท้าทายที่รัฐบาลต้องพลิกนโยบายของรัฐบาลที่รัฐสภารับรองไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ ผ่านกระบวนการทำงานที่จริงใจ เพื่อสร้างศรัทธาให้เกิดกับประชาชน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าหากรัฐบาล ที่มาจากหลายพรรคการเมืองสามารถสร้างศรัทธาจากประชาชนได้ รัฐบาลจะอยู่ยาวได้
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายประเด็นเศรษฐกิจ ที่ตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่รัฐบาลจะลงนามข้อตกลงการค้านั้น อย่าให้เอื้อประโยชน์กับนายทุน แต่ประชาชนได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ช่วงการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาพบว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และประชาชนได้รับผลกระทบ ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลที่รายละเอียดไม่ชัดเจน ขาดจุดชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหาร ทำให้ประเทศล้มเหลวและประเทศเสียโอกาส ดังนั้นนโยบายที่จะทำต่อไปนั้นตนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะพาประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้
ส่วนนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายทักท้วงนโยบายของรัฐบาล ว่าเป็นนโยบายแบบศรีธนญชัย และใช้นักการเมืองที่มีคดีติดตัว ใช้นักการเมืองมีคดีติดตัว และมีเรื่องตรวจสอบในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นรัฐมนตรี ซึ่งกรณีดังกล่าวตนกังวลว่าจะสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีกรณีของเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งและถึงขั้นต้องฆ่าตัวตาย ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการทำเพื่อประชาชน และไม่สร้างความเสียหายต่อประเทศ และเห็นแก่อนาคตของลูกหลาน ขอให้ลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายได้นำภาพประกอบการอภิปราย อาทิ ภาพของชาวนาที่ผูกคอตาย และ ป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นภาพที่สร้างความเสียหายกับพรรคพลังประชารัฐ
ต่อจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงรายละเอียดตามที่ ส.ส.ตั้งข้อสังเกตระหว่างการอภิปรายในหลายประเด็นโดยมีสาระสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า ตนขอชื่นชมส.ส.ที่อภิปรายและครอบคลุมในประเด็นต่างๆ แต่ตนขอให้พิจารณาด้วยว่าหากผู้อภิปรายเป็นนายกฯ จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งการแก้ปัญหาด้านต่างๆ อาทิ การเจรจาการค้ากับต่างประเทศ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การค้าขาย รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนที่หลายฝ่ายท้วงติงกรณีของการเพิ่มค่าแรงนั้น ในหลักการนั้นแต่ละจังหวัดมีอัตราค่าแรงประมาณ 300 - 350 บาท หากจะปรับเพิ่ม400 -800 บาทสามารถทำได้แต่ขึ้นอยู่กับฝีมือของแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ช่างปูกระเบื้อง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการดูแลเรื่องแรงงานนั้นต้องดูแลทั้งแรงงานต่างชาติ และแรงงานในประเทศด้วย ทั้งนี้รัฐบาลไม่ปฏิเสธที่จะดำเนินการ แต่ยอมรับว่าต้องมีภาระที่เพิ่มมากขึ้น
“ใครที่ไปรับฟังปัญหาจากผู้ค้า ที่ว่าค้าขายไม่ดี ขอให้อธิบายให้ฟังถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นการซื้อของออนไลน์ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นที่บอกว่าค้าขายเจ๊งหมดนั้น ไม่จริง และการพูดแบบนั้นผมมองว่าคือการแช่งตัวเอง นอกจากนั้นหากผู้ค้าต้องการค้าขายให้ดี ต้องพัฒนาคุณภาพ ขณะที่การดูแลสุขภาพของประชาชน ผมอยากให้เน้นการออกกำลังกาย เพราะปัจจุบันมีโรคที่เป็นแล้วไม่ตาย แต่รักษานาน ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อเนื่องคือ การจัดหมอชุมชน ดูแลคนป่วย ไม่ใช่แค่การรักษาฟรี หรือ รักษาด้วยบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะที่การดูแลด้านการศึกษายอมรับว่าต้องพัฒนาสถานศึกษา เช่น โรงเรียนวัดให้มีคุณภาพ ส่วนโรงเรียนไหนที่รับเงินแป๊ะเจี๊ยะขอให้บอก เพราะพวกนี้ต้องติดคุก” พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรางานว่าระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงนั้น นายศรัณย์วุฒิ ลุกประท้วงเพราะถูกพาดพิงฐานะผู้อภิปราย ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ฐานะประธานในที่ประชุมกล่าวตัดบทให้ประท้วงหลักการชี้ จากนั้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อไป และมีตอนหนึ่งที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับที่ประชุม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ พูดขึ้นว่า “ผมขอบคุณนายกรัฐมนตรี ด้วยครับ ขอบคุณท่านประธาน" จากนั้นได้ลุกออกจากห้องประชุม พร้อมกับใบหน้าอมยิ้ม
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลุกชี้แจง ด้วยว่า ตนเชื่อว่านายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะสามารถบริหารจัดการงานด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงระบบเศรษฐกิจและประเทศชาติจะได้รับประโยชน์
จากนั้นการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลได้ดำเนินต่อไป โดยเป็นการอภิปรายระหว่าง ส.ว., ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สลับกันไป ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ หลีกเลี่ยงการชี้แจงต่อประเด็นที่ส.ส.พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลที่มีข้อกล่าวหาและอยู่ระหว่างตรวจสอบเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล