'กองทัพบก' เฝ้าระวังสุโขทัย รับมือน้ำล้นตลิ่ง
พร้อมส่งทหารเร่งเสริมแนวพนังกั้น เร่งเดินหน้าคลี่คลายอุทกภัยอีสานและภาคเหนือต่อเนื่อง
กองบัญชาการกองทัพบก - พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เข้าสู่วันที่ 7 แล้วสำหรับปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือประชาชนและคลี่คลายอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุ “โพดุล” ใน 21 จังหวัดของภาคเหนือ และ ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกองทัพบกได้ดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ในการดูแลประชาชนร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างดีที่สุด โดยขณะนี้ระดับน้ำท่วมในหลายจังหวัดได้ลดลงต่อเนื่อง มีเพียงบางจังหวัดที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง อาทิ อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์ เป็นต้น ซึ่งการช่วยเหลือจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นฟูเพื่อคืนสภาพเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้สรุปภาพรวมการทำงานของหน่วยทหารในพื้นที่อุทกภัยตั้งแต่ 29 สิงหาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญดังนี้
จัดกำลังพลจากหน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 2,100 นาย, รถยนต์บรรทุก 83 คัน, เรือท้องแบน 28 ลำ ปฏิบัติภารกิจตลอด 24 ชั่วโมง ,จัดชุดค้นหาและกู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายทางน้ำ 1 ชุด,จัดโรงพยาบาลสนาม และชุดแพทย์เคลื่อนที่ 7 ชุด ให้บริการประชาชน จำนวน 850 คน,จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน จำนวน 4 แห่ง ให้บริการข้าวกล่อง
,อพยพประชาชนสู่พื้นที่ปลอดภัย 627 ครัวเรือน ,ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง 485 ครัวเรือน แจกจ่ายสิ่งของอุปโภคบริโภค 3,190 ชุด,ขนย้ายซากปรักหักพังทับอาคารบ้านเรือน 180 ครัวเรือน ขนย้ายสิ่งกีดขวางการจราจร 109 ครัวเรือน, สนับสุนนหน่วยงานติดตั้งสะพานแบรี่ 1 ชุด ,บรรจุกระสอบทรายทำพนังกั้นน้ำ 4,300 กระสอบ, ทำความสะอาดฟื้นฟูบ้านเรือน ๓๒๕ ครัวเรือน,การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร 19 จุด
ล่าสุด สถานการณ์น้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือที่ จ.สุโขทัย เนื่องจากแม่น้ำยมอาจเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งจากน้ำหลาก ซึ่งกองทัพบก โดยกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ได้เข้าดูแลพื้นที่ร่วมกับทางจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะที่ อ.เมือง, สวรรคโลก ,ศรีสำโรง โดยได้ส่งกำลังพลเข้าช่วยนำกระสอบทรายไปเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำบริเวณริมแม่น้ำยม ใน อ.ศรีสำโรง ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 3กันยายน 2562 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันชุมชนเมืองไม่ให้ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานบริเวณศาลากลางจังหวัด เพื่อปรุงอาหารมอบให้ประชาชนและจิตอาสาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อุทกภัย ทั้งนี้ ได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและเสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำตลอด 24 ชั่วโมง (ภาพ-fb/armyprcenter)