สภาฯ ท้วงหนักรายงาน 'กมธ.ฯทางด่วน' ตั้งข้อสังเกตกมธ.ฯ รับผลประโยชน์
สภาฯ ท้วงหนัก รายงาน "กมธ.ฯทางด่วน" ตั้งข้อสังเกตกมธ.ฯ รับผลประโยชน์ แต่เสียงข้างมากให้ผ่าน เสนอ "ครม." ด้าน "ยุทธพงษ์" ยันไม่เคยรับเงิน พร้อมรับการตรวจสอบ หลัง "ส.ส.พท." บอกมีข่าวลือ กมธ.ฯ มีส่วนได้เสียกับการทำรายงานหนุนต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.62 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ ซึ่งมีข้อสรุปของรายงาน คือ เสียงข้างมากของกมธ.ฯ เห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน และ ไม่เห็นด้วยที่จะขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงแรกของการพิจารณารายงานคือการนำเสนอของกมธ.ฯ ทั้งส่วนเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตจากกมธ.ฯ เป็นความเห็นของกมธ.ฯแบบรายบุคคล ทำให้การอภิปรายของส.ส. ต่อข้อสังเกตนั้น เป็นในทางทักท้วงให้ทบทวนการจัดทำรายงานเพราะจะมีปัญหาในทางปฏิบัติที่หน่วยงานต้องรับไปพิจารณา
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ท้วงติงข้อสังเกตของกมธ.ฯ ที่ขัดแย้งและไม่เป็นเอกภาพ ทำให้อาจมีปัญหาต่อการส่งรายงานให้หน่วยงานไปปฏิบัติ ทั้งนี้หน่วยงานอาจรับข้อสังเกตได้ อย่างไรก็ตามในรายงานของกมธ.ฯ ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลต่อการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล บุคคลที่กระทำผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องการรู้ ขณะที่ข้อสังเกตของกมธ.ฯ และมีความเห็นส่วนบุคคลระบุไว้ เชื่อว่าไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ และอาจจะถูกโยนทิ้งได้
“45 วันที่กมธ. ทำงาน ไม่บอกสิ่งที่อยากรู้ หากสภาฯ ให้ความเห็นรายงานฉบับนี้อาจถูกตีความการทำงานได้ แม้ว่ารายงานของสภาฯ จะไม่มีผลผูกมัดใดๆ ต่อหน่วยงาน สัญญาสัมปทานทางด่วน อนุมาณว่าเสียงส่วนรวมควรต้องต่อ เพื่อไม่ให้แพ้คดี หลังจากที่มีคดีแรกมีคำตัดสินแล้ว ขณะที่การขยายสัญญาบีทีเอสไม่ควรต่อสัญญา และมีความเห็นส่วนตัวของกมธ.ฯ ซึ่งที่ผ่านมารายงานของกมธ. ไม่เคยมีเขียนแบบดังกล่าว ผมขอฝากกมธ.ฯ ที่ต้องทำงานแทนสภาฯ ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีของสภาฯ ให้มาก ไม่ใช่ทำรายงานที่นำไปอ้างอิงใดๆ ไม่ได้ ทั้งนี้ผมขอให้นำรายงานกลับไปทบทวน” นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อภิปรายว่า รายงานของกมธ.ฯ เป็นความเห็นรายบุคคลของกมธ. ทั้งนี้ตนไม่เคยเห็นการจัดทำรายงานในลักษณะที่กมธ.ฯ ลงมติ หรือให้ความเห็นเป็นรายบุคคล ทั้งนี้รายงานที่ถูกต้องตามข้อบังคับต้องแสดงถึงผลการศึกษาจะนำข้อมูลและข้อเท็จจริงนำเสนอ ทั้งนี้ตนขอให้กมธ.ฯ นำรายงานไปทบทวนให้ตรงกับรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาฯ
เช่นเดียวกันกับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายให้นำรายงานกมธ.ฯ ทบทวนใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับ อย่างไรก็ตามตนผิดหวังกับนายวีระกรต่อการทำงานฐานะประธานกมธ.ฯ ที่ทำรายงานออกมาเละเทะ หากกมธ.ฯ ไม่ถอนรายงานไปทบทวนและยืนยันให้สภาฯลงมติ ขอให้กมธ.ฯ รับผิดชอบในผลที่จะเกิดจากการพิจารณาคดีทางด่วนในชั้นศาลด้วยตนเอง รวมถีงกรณีที่มีผู้พิสูจน์ต่อกรณีข้อกล่าวหาว่ากมธ.ฯ รับผลประโยชน์ด้วย
ทั้งนี้ นายวีระกร ชี้แจงโดยยอมรับว่าหนักใจที่รับทั้ง 2 เรื่องซึ่งไม่เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมกัน และมีเวลาพิจารณาเพียง 45 วัน ยอมรับว่าความเห็นของกมธ.ฯมีความหลากหลาย และแตกแยกเป็นหลายประเด็น ดังนั้นผลการศึกษาและข้อสังเกตของกมธ.ฯ จึงมีลักษณะดังกล่าว เช่น การสนับสนุนให้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน นั้นยังมีรายละเอียดที่เป็นข้อสังเกตซึ่งแตกต่างกัน ทั้งนี้ยืนยันว่ามีเหตุผลในรายละเอียดที่สมาชิกฯ สามารถศึกษาได้ ส่วนความเป็นมาของเรื่องที่ตรวจสอบและไม่ได้ระบุในรายงานยอมรับเป็นข้อนบกพร่อง ซึ่งตนขอความเห็นใจที่กมธ.ฯทำงานอย่างหนัก
ด้านนายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะกมธ.ฯ เสียงข้างมาก ชี้แจงว่าความเห็นของกมธ.ฯ ที่ลงมติมีความเห็นที่ไม่ตรงกันและขัดแย้งกัน อย่างไรก็ตามการจัดทำรายงานเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์เป็นผู้จัดทำ ทั้งนี้ยืนยันกมธ.ฯ หวังดีต่อประเทศชาติ คำนึงผลประโยชน์ประชาชน ทั้งนี้ที่ ส.ส. กล่าวหาว่า กมธ.ฯรับเงิน ยืนยันไม่เป็นเรื่องจริง ทำงานตรงไปตรงมา และไม่กลัวเรื่องการดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนหนึ่งของการอภิปรายมีเหตุวุ่นวายเล็กน้อย หลังจากที่ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่ามีบุคคลคุยกันข่าว และมีข่าวลือภายนอกสภาฯ ว่า กมธ.ฯ มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา
ทำให้นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทักท้วงให้อภิปรายในกรอบและข้อบังคับ เนื่องจากไม่ควรกล่าวคำพูดที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในสภาฯ และขอให้ถอนคำพูดว่าข่าวลือ จากนั้นให้นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะกมธ.ฯ เสียงข้างมากชี้แจง ตนยืนยันไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องที่พิจารณา กมธ.ชุดนี้ไม่มีใครคดโกง และไม่มีใครพัวพันกับคดีฆ่าคนตาย ทั้งนี้นี้หากมีหลักฐานของให้ส่งเรื่องตรวจสอบตามกระบวนการ
ทั้งนี้ในการประชุม ได้ขอให้ ส.ส.ลงมติต่อข้อสังเกตของกมธ.ฯ เพื่อแนบรายงานของกมธ.ฯ เพื่อส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผลปรากฎว่า เสียงข้างมาก 412 เสียงเห็นด้วยกับข้อสังเกตของกมธ. ขณะที่ 25 เสียงไม่เห็นด้วย และอีก 20 เสียงงดออกเสียง ขณะที่รายงานของกมธ.ฯ ไม่มีการลงมติจึงทำให้สภาฯ ส่งรายงานทั้งฉบับและข้อสังเกตกมธ.ที่ถูกท้วงติงให้ครม. พิจารณา