'หมอระวี' แจงแค่ผลศึกษากมธ.ปมต่อสัมปทาน 'BEM-BTS'
“หมอระวี” แจงสภาฯ ไม่ได้มีมติ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับการสัมปทาน “BEM-BTS” แค่ลงมติให้ส่งผลการศึกษาของ กมธ.ไปให้ รบ.ประกอบการตัดสินใจเท่านั้น
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.62 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณารายงานศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส)ว่า จากการลงมติในที่ประชุมสภาฯทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นอย่างมากว่า ที่ประชุมสภาฯได้ลงมติเห็นด้วยกับการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน ระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และไม่เห็นด้วยกับการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว
เป็นเพียงการรายงานผลการศึกษาของกรรมาธิการต่อสภา โดยกรรมาธิการเลือกใช้วิธี ให้ฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทาน เขียนความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจส่งมาให้ทางสภาฯ เพื่อรับทราบความคิดของกรรมาธิการแต่ละท่าน
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า อย่างการต่อสัมปทานทางด่วนนั้น ทางกรรมาธิการก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป โดยมีเพียง 5 ท่านเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทาน 30 ปี ,เห็นด้วยกับการต่อสัมปทาน 15 ปี 4 ท่าน , เห็นด้วยกับการต่อสัมปทานแต่มีเงื่อนไข 5 ท่าน เช่น ลดระยะเวลาสัมปทานให้น้อยกว่า 30 ปี ส่วนแบ่งรายได้ใหม่ ควบคุมค่าทางด่วน ,เห็นด้วยแต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด 7 ท่าน ซึ่งมีผู้ไม่เห็นด้วยถึง 12 ท่าน และงดออกเสียง 5 ท่าน
“กาลงมติของที่ประชุมสภาฯในวันนั้นคือ การเห็นชอบให้ส่งผลการศึกษาของกรรมาธิการวิสามัญไปให้รัฐบาลพิจารณาเท่านั้น ไม่ใช่สภามีความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการต่อสัมปทานทั้งทางด่วนและบีทีเอส ส่วนรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไรนั้น รัฐบาลคงจะนำความคิดเห็นทุกมุมมองของกรรมาธิการไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจ”นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่าหากรัฐบาลตัดสินใจจะต่อสัมปทานให้เอกชนก็น่าจะมีการต่อรองเพิ่มเติมตามแนวทางที่กรรมาธิการได้ศึกษา เพราะตนเชื่อว่าประเทศชาติและประชาชนจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน