นายกฯ ลั่น 'อธิปไตย' ไม่ต้องกลัวยังเป็นของไทยอยู่
นายกฯ ดันไทย “ดิจิทัลฮับอาเซียน” แนะกม.ไหนมีปัญหามาคุยกัน แก้ได้หมด เพราะร่างโดยมนุษย์ ลั่น “อธิปไตย” ไม่ต้องกลัว ยังเป็นของไทยอยู่
เมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) อาคารลาดพร้าว ฮิลล์ ซอยลาดพร้าว 4 ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เยี่ยมชมภารกิจสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมผู้บริหารและคณะให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ทดลองสแกนเครื่องตรวจจับใบหน้าและอารมณ์พบว่า ณ เวลานี้ นายกฯ อารมณ์ดีเกิน 90 % ขณะที่เครื่องตรวจวัตถุระเบิดนายกฯ ได้หันหน้าไปทางสื่อพร้อมกับพูดอย่างอย่างอารมณ์ดีว่า ต้องเอาไปตรวจนักข่าวบ้าง เพราะวางระเบิดนายกฯทุกวัน
จากนั้นนายกฯ มอบนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นดิจิทัลฮับอาเซียน ผ่านการพัฒนา “ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์” และ “ดิจิทัล สตาร์ทอัพ” เพื่อดึงดูดนักลงทุน ควบคู่กับการเร่งยกระดับกำลังคนในสาขาที่ตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อยืนยันความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงของภูมิภาค
ก่อนที่นายกฯ จะพบปะกับกลุ่มสตาร์ทอัพโดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มีความสุขอีกวันที่ได้มาพบกับทุกคน แต่เมื่อเช้าก็สุขบ้างทุกข์บ้างเพราะเรื่องเยอะ แต่เวลานี้ได้มาหาและพบกับอนาคตของประเทศ ซึ่งตนพยายามจะทำทุกอย่างโดยยึดว่าวันข้างหน้าเราจะอยู่กันอย่างไร เพราะปัจจุบันเราต้องใช้ทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพราะโลกวันนี้เป็นศตวรรษที่ 21 เราต้องปรับทั้งคนและเครื่องมือ แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าอุปสรรคยังมีมาก เพราะคนไทยมีกว่า 70 ล้านคน ผิดกับบางประเทศมีคนเพียงนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องมีทรัพยากรก็ได้ ประเทศเรามีทรัพยากรทุกอย่าง แม้ว่าจะน้ำท่วมฝนแล้งบ้างก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่เราต้องทำให้คนไทยเรียนรู้ให้ได้โดยใช้เอไอ(ปัญญาประดิษฐ์) แต่บางอย่างต้องใช้เวลา ไม่มีอะไรที่คิดวันนี้แล้วทำพรุ่งนี้ได้ทันที ทุกอย่างจึงต้องมีความเชื่อมโยง หลายคนเกิดมาแล้วเห็นทุกอย่าง มีทั้งถนน รถไฟ จึงคิดว่าทุกอย่างต้องดีกว่านี้
“สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้คือความรักประเทศ การช่วยกันร่วมมือซึ่งวันนี้เราก็ต้องรวบรวมมาทั้งหมดทั้งเรื่องกฎหมายและต้องย้อนกลับมาดูว่าเราควรจะต้องเคารพกฎหมายก่อนหรือเปล่า กฎหมายฉบับใดถ้ามีปัญหาก็มาพูดคุยกัน สามารถแก้ไขได้ทั้งหมดเพราะกฎหมายก็ร่างโดยมนุษย์ การแก้ก็แก้ด้วยระบบกลไก ทุกอย่างมันก็จบ ถ้ามัวแต่พูดกันอย่างนี้ ทุกอย่างก็คงไม่เกิดและไม่จบ เราต้องเอาเวลาไปคิดอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กันบ้าง แค่นี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว นายกฯพยายามปรับตัวเองให้ทันสมัย แต่ก่อนเป็นทหารอย่างเดียว วันนี้มาเป็นนายกฯ ก็ต้องเป็นอีกแบบ ไม่ใช่การบังคับบัญชาเพื่อไปรบ แต่เป็นการสู้กับความยากจน เราต้องนึกถึงเกษตรกร คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย คนที่ขาดโอกาส จะทำอย่างไรให้เข้าถึงในสิ่งเหล่านี้คือรัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่มันเท่าเทียมคือจะดูแลผู้มีรายได้น้อยอย่างไร สิ่งที่เราคิดหากแพงเกินไปก็ใช้ไม่ได้ ต้องเอาปริมาณที่มากขึ้นเพื่อให้ราคาถูกลง นี่คือสิ่งสำคัญ เพราะเรายังไม่มีรายได้เพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยี เพราะฉะนั้นเราต้องลากกันไปให้หมด รถไฟขบวนที่ 12 ของลุงตู่ 5 ปีที่ผ่านมามีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ที่ไปพร้อมกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูป ซึ่งการใช้ไอทีนั้นเกี่ยวข้องกับการปฏิรูประบบราชการและการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน ขอให้ไปอ่านดูบ้าง ไม่เช่นนั้นจะไม่เข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลทำ” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เมื่อวันก่อนตนเดินทางไปพบนักศึกษาในต่างประเทศ เขาถามว่าตนเตรียมอะไรไว้ให้เขาบ้าง ตนก็บอกว่านี่ไงประเทศไทยมีอีอีซี มีข้าราชการรุ่นใหม่ แต่ข้าราชการส่วนใหญ่ก็เงินเดือนน้อย ก็ต้องดูว่าจะมีเฉพาะสาขาได้หรือไม่ ขณะนี้เหมือนไฟช็อตกันอยู่ระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่าบางทีก็ไม่ทัน เทคโนโลยี คนรุ่นใหม่จะทำอย่างไรให้คนรุ่นเก่าคล้อยตาม
“ตลอด 5 ปีก็ไม่ใช่ว่าไม่ฟังใครเลย เวลาด่าก็ด่าจัง ผมไม่อยากโมโหใครทั้งสิ้น ขณะเดียวกันต้องช่วยกันทำความเข้าใจว่าวันนี้ประเทศไทยอยู่ตรงไหนและปัญหาอยู่ตรงไหน ปัญหาสำคัญคือความเป็นอยู่ของประชาชนทุกอาชีพ นี่ยังไม่ทำงานก็มีหนี้สินแล้ว เพราะทุกคนพยายามหาความสะดวกสบายให้ได้มากที่สุด” นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งนายกฯได้รับฟังข้อเสนอจากตัวแทนกลุ่มสตาร์ทอัพ ข้อเสนอเรื่องอธิปไตยด้านการลงทุนหรือการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม ซึ่งทันทีที่นายกฯได้ยินคำว่าอธิปไตย ก็ได้พูดขึ้นว่า "อธิปไตยไม่ต้องกลัว ยังเป็นของประเทศไทยอยู่"