ป่าไม้ฟัน 'ปารีณา' 4 ข้อหาจี้ชดใช้

ความคืบหน้าการตรวจสอบการถือครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด วานนี้(2 ธ.ค.) ที่กรมป่าไม้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ สำนักงานป่าไม้ที่ดินจังหวัดราชบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวสรุปผลการแจ้งความดำเนินคดี ฟาร์มไก่”เขาสนฟาร์ม 2”ของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ

นายอรรถพล กล่าวว่า โดยสรุปพบความผิดรุกพื้นที่ป่าของนางสาวปารีณา พื้นที่ที่จะดำเนินคดี มีทั้งหมด 46 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี 41 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา อยู่ในเขตป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 จำนวน 4 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา โดยเบื้องต้น กรมป่าไม้ชี้ว่าเป็นกรณีที่ยังไม่มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดินจึงถือว่าเป็นป่า 

นายอรรถพล ระบุว่า เบื้องต้นอาจมีการเข้ารังวัดพื้นที่ผิดพลาดในครั้งแรก มีความจำเป็นต้องให้ความเป็นธรรมต้องมีการรังวัดเกิดขึ้นใหม่ จนมาถึงวันที่ 29 พ.ย. ที่ได้ข้อเท็จจริงใหม่ที่ถูกต้อง ซึ่งหลังจาก 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่เริ่มทำงานเกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ของน.ส.ปารีณา กรมป่าไม้ตกเป็นจำเลยว่า มีการช่วยเหลือในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งในความเป็นจริง ทางกรมป่าไม้ต้องมีความละเอียดรอบคอบและมีความจำเป็นต้องยืดระยะเวลาออกไปเล็กน้อย

"การแถลงวันนี้ ขอไม่กล่าวถึงพฤติการณ์การครอบครองที่ดินของน.ส.ปารีณา เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อสำนวนคดี ซึ่งหากจะมีการฟ้องร้องกลับ ก็ให้มาฟ้องผม ไม่ต้องฟ้องลูกน้อง เพราะลูกน้องทำตามคำสั่งผม และขอย้ำว่า กรมป่าไม้ได้รับคำสั่งมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.26 เริ่มทำงานวันที่ 24 พ.ย. จนเสร็จสิ้นครบถ้วนสมบูรณ์ในวันที่ 29 พ.ย. กรมป่าไม้ยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทวงคืนพื้นป่า” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวและว่า

จากนี้ไปขอให้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา 4 ข้อหา ประกอบด้วย

1.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ฐาน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าเข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต 

2.กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต

3.กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐาน “เข้าไปยึดถือครอบครองก่นสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

และ 4. พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 97 การกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใดโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหายหรือเสียหายไป

ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้คณะทำงานนำเรื่องราวเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) วันนี้ เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่อไป

“ยืนยันเราไม่ได้ช้า กรมป่าไม้ได้รับคำสั่งมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. เริ่มทำงานวันที่ 24 พ.ย. จนเสร็จสิ้นครบถ้วนสมบูรณ์ในวันที่ 29 พ.ย. ขอ ย้ำว่ากรมป่าไม้ยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทวงคืนพื้นป่า และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการครอบครองที่ดินที่เป็นพื้นที่ป่า” อธิบดีกรมป่าไม้ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของกรมป่าไม้ นายทวี ไกรคุปต์ บิดา น.ส.ปารีณา ได้เดินทางมารับฟังการแถลงข่าวด้วย พร้อมนำแผนที่จากกรมที่ดินที่มีการแนบท้ายกฎทางกระทรวงฯ อัตราส่วน 1 ต่อ 400,000 มาสอบถามกับอธิบดีกรมป่าไม้เพื่อขอให้ชี้จุดที่ชัดเจนที่อ้างว่ามีการบุกรุกป่า ว่าอยู่บริเวณใดของแผนที่ เนื่องจากไม่เชื่อว่าแผนที่ที่ดินผืนเดียวจะสามารถทำผิดกฏหมายได้ถึง 3 ฉบับ ซึ่งหากเป็นไปตามที่อธิบดีกรมป่าไม้แถลง จะทำให้มีพื้นที่ที่ทำผิดกฎหมายกว่าอีก 10,000 ไร่ที่จะได้รับผลกระทบ

อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ชี้แจงว่า ทั้งหมดตามสเกลที่กรมป่าไม้อ้างอิงมีการตรวจวัดอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ถึงได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดซึ่งก็เป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาจะมีสิทธิ์โต้แย้งอ้างอิงตามหลักฐานที่มี ซึ่งหลังจากแจ้งความดำเนินคดี ต่อ บก.ปทส. จะเข้าพื้นที่ติดป้ายพื้นที่ตรวจยึดต่อไป และหากผู้ถูกกล่าวหาจะฟ้องกลับกรมป่าไม้ ขอให้ฟ้องเฉพาะอธิบดีกรมป่าไม้เพียงคนเดียว

ต่อมานายทวี ได้กล่าวภายหลังการแถลงว่า วันนี้มาฟังเพียงเพื่อต้องการจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมในที่ดินที่เป็นปัญหา ยืนยันไม่ได้มาหาเรื่อง พร้อมกับบอกว่า 

“ผมไม่ได้เจอลูกสาวผมเลย เขาไม่รับสายผม ผมอยากจะบอกลูกสาวว่า อย่าไปฟ้องอธิบดีกรมป่าไม้เลยลูก เขาทำหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมาย เราหาหลักฐานมาสู้คดีนี้จะดีกว่า” 

• แจ้งเอาผิด 2 พ่อ-ลูก“ไกรคุปต์” 

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมป่าไม้ นำหลักฐานเข้ายื่นต่อ พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ ปี 2484 พ.ร.บ.ส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปี 2535 และ ประมวลกฎหมายที่ดิน รวมถึงเข้าร้องทุกข์ร่วมกับ ผอ.ศูนย์พิทักษ์ป่า จ.ราชบุรี เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดังกล่าว

เช่นเดียวกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปที่ บก.ปทส. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ในข้อหาบุกรุกป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 และ พ.ร.บ.ป่าไม้ ปี 2484 ในพื้นที่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

หลังรับแจ้งความดำเนินคดี พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า จากนี้จะตรวจสอบว่า กรณีของกรมป่าไม้ เป็นคดีเดียวกับที่นายวีระ สมความคิด ร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี และที่นายอัจฉริยะ แจ้งความไว้เมื่อช่วงเช้าวานนี้หรือไม่ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่า ให้หน่วยงานใดดำเนินการสอบสวน หรือให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบว่าเป็นที่ดินข้อพิพาท เป็นที่ดิน ส.ป.ก.หรือเป็นป่าไม้ หรือป่าสงวน เพื่อแจ้งไปยังผู้ครอบครอง ขอลงพื้นที่ตรวจสอบ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน 

ขณะที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เข้าแจ้งความที่ สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายทวี ไกรคุปต์ ในความผิดฐาน บุกรุกตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พร้อมระบุว่า หลักฐานที่นำมายื่นให้ตำรวจได้รับจากประชาชนในพื้นที่ พร้อมได้พาพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบชี้จุดที่มีการบุกรุก ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่านายทวีเข้าครอบครองมาเกือบ 40 ปีแล้ว

ขณะที่ น.ส.ปารีณา มอบอำนาจให้ทนายความเดินทางไปที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องนายวีระ สมความคิด ฐานหมิ่นประมาท ซึ่งศาลได้รับคำฟ้อง พร้อมกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ วันที่ 3 ก.พ.2563 เวลา 09.00 น. พร้อมกันนีิ้ ยังได้ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ เป็นจำเลยอีกสำนวน ซึ่งศาลรับฟ้อง นัดไต่สวน วันที่ 17 ก.พ.2563 เวลา 09.00 น.

• "ธรรมนัส"สั่งลุยสอบกระบี่ใน 3 เดือน

วันเดียวกันนี้ในการประชุมวุฒิสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตอบกระทู้จากนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ต่อแนวทางบริหารจัดการที่ดิน ส.ป.ก. ที่พบการถือครองของนายทุน ผู้มีอิทธิพลว่า บุคคลที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. หากไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย รัฐต้องยึดคืนหลวงเท่านั้น ซึ่งการตรวจหลายจังหวัด พบพื้นที่ ส.ป.ก. ถูกกลุ่มนายทุน ผู้นำท้องที่ นักการเมือง ครอบครองเป็นที่ดินแปลงใหญ่ จึงมีความจำเป็นต้องให้ยึดคืนโดยไม่มีข้อยกเว้น

“ไม่นานนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.กระบี่ ซึ่งมีกลุ่มนายทุนถือครองที่ดิน ส.ป.ก.เยอะที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการภายใน 180 วัน และยืนยันว่า รัฐบาลมีความจริงใจแก้ปัญหา ซึ่งภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน ยึดที่คืน จำนวน 33,343 ไร่ โดยจัดสรรได้เกษตรกรแล้วถึง 20,541 ไร่แล้ว แต่ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีความยากลำบาก โดยเฉพาะการอ้างอิงแผนที่ของแต่ละหน่วยงานที่ข้อมูลต่างกัน ดังนั้น ต้องต้องแก้ไขด้วยแผนที่เดียว หรือ วันแม็พ เพื่อให้ข้อมูลตรงกัน” ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจง

วันที่ 6 ธ.ค.นี้ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. จะแถลงความชัดเจน และแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน ส.ป.ก.ทั่วประเทศ ที่มีอยู่จำนวนประมาณ 2 ล้านไร่ รวมถึงที่ดิน ฟาร์มไก่ของ น.ส.ปรารีณา ที่ยังไม่มีการรังวัด และสอบเขตแนวที่ดิน และจัดสรรให้กับเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ

• ป.ป.ช.ยังไม่รับแก้ทรัพย์ “ปารีณา”

ส่วนกรณีน.ส.ปารีณา ออกมาระบุว่าได้ทำหนังสือแจ้งขอแก้ไขรายการในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเนื่องจากเกิดความผิดพลาดและซ้ำซ้อนในเอกสารภบท.5 ที่ยื่นภาษีในปี 2549 กับเอกสาร ภบท.5 ที่ยื่นภาษีในปี 2553 ทำให้มีที่ดินเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ไร่ ทั้งที่ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเนื้อที่ ประมาณ 600 กว่าไร่เท่านั้น 

นายวรวิทย์ กล่าวว่า ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ผู้ยื่นสามารถขอแก้ไขได้ แต่ ป.ป.ช.จะอนุญาตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ แต่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบเหตุที่ขอแก้ว่า เป็นไปโดยเจตนาหรือไม่ มีความเป็นธรรมอย่างไร เพื่อเสนอมาที่ตน ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เพิ่งกลับมาจากการตรวจสอบในพื้นที่ ยังไม่ได้ส่งข้อมูลมาให้ แต่เชื่อว่า น่าจะได้ภายในสัปดาห์นี้

• เลขาฯ ปปช.จ่อเช็คซ้ำที่ดิน ส.ส.

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบทรัพย์สิน ส.ส.กรณีถือครองที่ดิน ภบท.5 จะดำเนินการไปถึง ส.ส.อีก 10 กว่ารายที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ยื่น ภทบ.5 และระบุราคาเกินจริงด้วยหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินในเบื้องต้นอยู่ในดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบบัญชีนั้นๆ หากเห็นว่า มีพฤติการณ์หรือมีเหตุอันสมควร ก็จะขออนุมัติตรวจสอบจากผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งมีอำนาจในการอนุมัติให้ตรวจสอบ แต่เชื่อว่าเมื่อเป็นข่าวมากขนาดนี้ เจ้าหน้าที่คงรีบดำเนินการตรวจสอบบัญชีของ ส.ส.ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ดังนั้น หากไม่มีผู้ร้อง เจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบอยู่แล้ว