พท.-อนค. รุกเกมใน-นอกสภา เคลื่อนพลสู้ชี้ชะตารัฐบาล
ไทม์ไลน์การเมืองเริ่มต้นปี 2563 ก็ส่อเคล้าร้อนแรงฉุดไม่อยู่ เมื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. ส่วน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศระดมมวลชนสู้คดียุบพรรคอนค. ตั้งแต่เดือนม.ค.เช่นกัน
วางเกมให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ต้องเผชิญศึก 2 ด้าน ทั้งเกมซักฟอกในสภา เกมชุมนุมบนถนน หมากที่ถูกตระเตรียมเอาไว้ บีบให้เล่นเกมการเมืองคู่ขนาด เหมือนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยโดนพรรคพท.ซักฟอกในสภา ส่วนนปช.ชุมนุมบนถนน
ฟากฝั่งพรรคพท. แม้บรรดาลูกพรรคจะรับรู้ว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะสั่งให้ถอย ปิดทางท่อน้ำเลี้ยง รักษาฐานธุรกิจ-ครอบครัวในเมืองไทย แต่การถอยของ ทักษิณ ไม่ถอยจนถึงขั้นหลบฉากไม่ยุ่งเกี่ยวเสียทั้งหมด
ปรากฏการณ์ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพท. เดินทางไปเคลียร์ใจร่วมโต๊ะอาหารกับ ทักษิณ หลังโดน ส.ส.อีสาน ปล่อยข่าวไม่พอใจในบทบาทของ สุดารัตน์ โดยอ้างว่าเลือกที่รักมักที่ชัง ขูดรีดกับ ส.ส.บ้านนอก เปย์หนักกับ ส.ส.เมืองกรุง
ซึ่งนอกจาก สุดารัตน์ แล้ว ยังมีคียร์แมนพรรคพท.อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคพท. เดินทางไปพบ ทักษิณ พร้อมวิเคราะสถานการณ์ทางการเมืองจน ทักษิณ เคลิ้มจนคล้อยตาม
เมื่อบทบาทของ สุดารัตน์ ที่ใช้สู้ศึกเลือกตั้งหมดไปแล้ว จึงถึงเวลาที่ ทักษิณ ต้องหันมาใช้บริการของ ร.ต.อ.เฉลิม แทน เพราะเดิม ร.ต.อ.เฉลิม-สุดารัตน์ เดินกันคนละเส้นทาง ไม่ลงรอยกันมานาน
โดยพรรคพท.ริบอำนาจจาก สุดารัตน์ ด้วยการแต่งตั้ง คณะกรรมการกิจการพิเศษ ให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้นำ รวมถึง “บิ๊กการเมือง” ที่ไม่กินเส้นกับ สุดารัตน์ โดยเฉพาะ ภูมิธรรม เวชชยชัย, อดิศร เพียงเกษ เป็นต้น
จับตากลเกม ร.ต.อ.เฉลิม ที่ออกมาระบุชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกซักฟอกตั้งแต่หัววัน แบบไม่มีอุบไต๋ให้หวาดระแวงกัน ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ 2.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี 3.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ4.ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
โดย 6 ประเด็นหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย 1.ยกที่ดินยาสูบให้นายทุนทำอสังหาฯ แล้วปรับภาษีสรรพสามิตร ทำให้บุหรี่ไทยมีราคาแพงเท่าบุหรี่นอก ทำให้คนหันไปสูบบุหรี่นอกหมด 2.ให้กลุ่ม เจริญ สิริวัฒนภักดี เช่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยไม่เปิดประมูลหรือไม่
3.ให้ต่างชาติเช่าที่ดินรัฐ 99 ปี แต่เมื่อประชาชนไม่เห็นด้วยก็เปลี่ยนให้เช่า 50 ปีแล้วต่อสัญญาได้อีก 49 ปี แบบนี้ก็เท่ากับเช่าได้ 99 ปี 4.ดึงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และบางนา-ชลบุรี เข้ากองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ทำให้นายทุนได้รับประโยชน์หรือไม่
5.ข้าวดีทำเป็นข้าวเสื่อมแล้วนำมาขายในราคาถูกหรือไม่ และ 6.กรณีกรมบังคับคดีเปิดประมูลขายที่ดินเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ย่านบางนาสุวรรณภูมิ ซึ่งการประเมินราคาในช่วงปี พ.ศ 2543 ถึงปี พ.ศ.2544 ประเมินราคาไว้ไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท โดยบริษัทร่วมทุนของกลุ่มบริษัทสิริวัฒนภักดี ชนะการประมูล จึงอยากจะทราบว่าเพราะเหตุใด
ทุกประเด็นซักฟอกของ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นประเด็นเก่าเก็บ แทบจะไม่มีพยาน-หลักฐานใหม่มาเล่นงาน “รัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์” ได้ จนถูกบางขั้วในพรรคพท.มองว่า ร.ต.อ.เฉลิม รับงานระดับ “บิ๊กรัฐบาล” ให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใช้โควตาให้หมดจะได้จบปัญหา
เพราะหากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์-รัฐบาล บริหารงานต่อไปเรื่อยๆ อาจจะมีโครงการที่ส่อทุจริตจนนำไปสู่การอภิปรายที่ดุเดือดเผ็ดมันได้ ยิ่งรู้อยู่ว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปี 2563 ยากมาก มีโอกาสที่รัฐบาลจะโดนถล่มในจุดดังกล่าว หากโควตาซักฟอกยังอยู่อาจจะถูกใช้เป็นเงื่อนไขโจมตีรัฐบาล แถมบิ๊กเนมอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หลุดโผอย่างเหลือเชื่อ
อ่านข่าว-'เพื่อไทย' จ่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6-10 ม.ค. 63 พุ่ง
ซึ่งต้องจับตาดูว่า พรรคพท.-ร.ต.อ.เฉลิม จะจัดขุนพลรับศึกซักฟอกอย่างไร เอาจริงหรือแผนหลอก
และต้องรอจับตา “วิปฝ่ายค้าน” จะขับเคลื่อนอย่างไร เพราะยอมเลื่อนวันซักฟอกไปแล้ว ภายหลังเกณฑ์นับวันสมัยประชุมสภาให้นับตั้งแต่วันเปิดสภา ไม่ได้นับปีที่ประชุมสภา
ขณะเดียวกันฟากฝั่ง “ธนาธร” ประกาศชัดเจนนำ “แฟนคลับ” ลงถนนในเดือนม.ค. ซึ่งระหว่างนั้นขั้นตอนการพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ คดีเงินกู้191ล้านบาท คงมีความคืบหน้าอยู่บ้าง อย่างน้อย ศาลรัฐธรรมนูญ คงมีมติออกมาแล้วว่าจะรับเรื่องไว้วินิจฉัยหรือไม่
ซึ่ง “ธนาธร-อนาคตใหม่” กำลังรอดูท่าทีของ ศาลรัฐธรรมนูญ หากไม่รับเรื่องไว้วินิจฉัยก็จบกัน หากรับเรื่องไว้วินิจฉัยก็พร้อมปลุกม็อบ
การเมืองต้นปี 2563 จะเริ่มต้นด้วยความร้อนแรง ด้วยเกมการเมืองคู่ขนาน เปิดศึกทั้งในสภา-นอกสภา