"พล.ต.ท.สมพงษ์" ยันระบบ “ไบโอเมทริกซ์” รถตรวจการณ์อัจฉริยะ ใช้งานได้จริง พร้อมชี้แจงและตรวจสอบ โชว์ตัวเลขสถิติผลงาน ยอมรับเลือกใช้ฟังก์ชันที่จำเป็นก่อน เพื่อเริ่มพัฒนาในอนาคต ติงถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพ เสียหายภาพรวมประเทศ
วันที่ 15 มกราคม พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ออกมาเปิดเผยถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของระบบไบโอเมทริกซ์ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนำมาใช้ในท่าอากาศยานนานาชาติ และด่านชายแดนต่างๆ รวมทั้ง กรณีรถตรวจการณ์อัจฉริยะมีประสิทธิภาพดีจริงคุ้มค่ากับเงินที่ซื้อไปหรือไม่ ว่า ระบบไบโอเมทริกซ์สามารถใช้งานได้จริง ส่วนตัวมองว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เพราะมีสถิติการจับกุม รวมถึง ตัวเลขเงินค่าปรับยืนยันชัดเจน แต่เนื่องด้วยงบประมาณที่จำกัด จึงใช้ระบบไบโอเมทริกซ์ในออพชั่นที่จำกัด แต่ก็เลือกใช้ในฟังก์ชั่นที่จำเป็นไปก่อน ถือเป็นการเริ่มต้นเพื่อที่จะพัฒนาเพิ่มออพชั่นในอนาคตต่อไป
“เราจะมาบอกว่าคุ้มไม่คุ้มจะดูแต่ตัวเลขไม่ได้ การสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่าประเทศไทยปลอดอาชญากรรม การก่อการร้าย ผมถือว่าคุ้ม นักท่องเที่ยวมั่นใจในความปลอดภัย เข้ามาเที่ยว เอาเงินมาทิ้งเท่าไหร่ คุ้มไม่คุ้มผมไม่ทราบ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวยิ่งกว่าคุ้ม เมื่อเขามาเที่ยวแล้วเกิดเหตุ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นใคร เข้าออกเมื่อไหร่ แค่นี้คุ้มแล้ว” พล.ต.ท.สมพงษ์ระบุ
เขาระบุอีกว่า ระบบไบโอเมทริกซ์นั้นนำมาใช้ประโยชน์ ในหลายคดีที่สำคัญและไม่ได้เปิดเผยสู่สังคม เช่น คดีความมั่นคง เหตุระเบิดป่วนกรุงเทพฯเมื่อเดือน ส.ค.ปี 2562 ระบบไบโอเมทริกซ์ก็มีส่วนช่วยให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ รวมถึง ยกตัวอย่างกรณีเหตุวางระเบิดรั้วศาลพระพรหมที่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2558 ถ้าตอนนั้นใช้ระบบไบโอเมทริกซ์ ตนเชื่อว่าคนร้ายจะไม่สามารถเข้ามาก่อเหตุได้
สำหรับรถตรวจการณ์อัจฉริยะ พล.ต.ท.สมพงษ์ ยืนยันว่าสามารถใช้งานได้จริง มีส่วนช่วยในภารกิจนอกพื้นที่ในการตรวจสอบบุคคล เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในภาพรวมการทำงานด้านการสืบสวน จะมีการเชื่อมต่อระบบกับหลายหน่วยงาน เช่นปส. ซึ่งจะต้องเข้าระบบและสามารถตรวจสอบกันได้ และสามารถเข้าไปตรวจสอบตามแหล่งท่องเที่ยวได้
ด้าน พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ระบบไบโอเมทริกซ์ที่นำมาใช้อาจจะมีออพชั่นไม่ครบตามสเปคทั้งหมด แต่สามารถใช้ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าของเก่า ในอนาคตจะสามารถใช้ได้ทุกอย่างได้ทั้งระบบ ซึ่งเบื้องต้นในระบบจะใช้ออพชั่นที่จำเป็น เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดรับกับทางพล.ต.ท.สมพงษ์ ซึ่งยันยันว่า เราทำตามทีโออาร์ ประสิทธิภาพใช้งานได้ดี
“การที่ออกมาพูดว่าไม่มีประสิทธิภาพ มันเสียหายต่อประเทศ ต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ผ่านมาเราสามารถจับกุมตามหมายจับ การที่เราเชื่อมต่อระบบได้หลายราย รวมไปถึงเรื่องขบวนการความมั่นคง ผมพร้อมชี้แจงและให้มีการตรวจสอบ มีสถิติข้อเท็จจริงจากการปฎิบัติงาน ” พล.ต.ท.สมพงษ์ยืนยัน
มีรายงานว่า สำหรับสถิติการใช้งานระบบไบโอเมทริกซ์ตั้งแต่เริ่มต้นถึงวันที่ 7 ม.ค.63 (รวมระยะเวลาประมาณ 6 เดือน) ตรวจคนเข้า-ออก จำนวน 48,862,051 คน จับกุมด้วยระบบไบโอเมทริกซ์มีจำนวน 3,166 คน จับกุมบุคคลในแบล็คลิสต์ 4,353 คน อยู่เกินกำหนด หรือ โอเวอร์สเตย์ (Overstay) 126,989 คน รายได้แผ่นดินจากค่าปรับ 242,808,800 บาท