นายกฯ รับแนวโน้ม 'โควิด-19' ระบาดมากขึ้น ย้ำยังไม่ปิดเมือง-ประเทศ
นายกฯ รับแนวโน้ม "โควิด-19" ระบาดมากขึ้ แต่ยังไม่ปิดเมือง-ประเทศ เหตุยังมีมาตรการเข้ม คนจากประเทศเสี่ยง ห้าม "ขรก." ไปตปท. แนะ "คนไทย" ที่พำนักเมืองนอก ชะลออย่าเพิ่งกลับมาตุภูมิ จนกว่าสถานการณ์ดีขึ้น
เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 17 มี.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการรับมือโควิด-19 ว่า หลังจากการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิช-19) เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ได้นำหลายๆ เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม. ร่วมกัน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ได้มีหลายมติออกมาซึ่ง โดยมติเหล่านี้ได้รับการเสนอจากคณะกรรมการโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุขขึ้นมา และนำเข้าสู่การพิจารณาของศูนย์ฯ แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของครม.เพื่อขอความเห็นชอบ
นายกฯ กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 แต่ว่ามีแนวโน้มการแพร่กระจายที่เพิ่มมากขึ้น และเพื่อลดการแพร่ระบาดจากกทม.ไปสู่จังหวัดอื่นๆจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมและหามาตรการรองรับ โดยทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อบูรณาการความร่วมมือเพื่อหาแนวทางการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่ผ่านมาที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในทุกระดับทั้งต่างประเทศ ในประเทศ การเดินทางไปมาหาสู่การดูแลในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ที่มีการจัดตั้งคณะทำงานและเจ้าพนักงานไปแล้ว และได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการประชุมครม.ในวันเดียวกันนี้ได้นำเรื่องและผลการประชุมของศูนย์ฯมาพิจารณาและออกเป็นมาตรการ 6 ด้าน
ด้านสาธารณสุข ด้านเวชภัณฑ์ป้องกันด้านข้อมูลการชี้แจงและรับเรื่องร้องเรียนด้านการต่างประเทศ ด้านมาตรการป้องกันและด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งครม.ได้มีมติเห็นชอบดังต่อไปนี้
นายกฯ กล่าวว่า ด้านสาธารณสุข ยืนยันยังไม่มีการปิดเมืองหรือปิดประเทศ(การห้ามเข้า-ออก) โดยการป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทยประกอบด้วย ชาวต่างชาติที่เดินทางจากประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตรายซึ่งมี 4 ประเทศ บวก 2 เขตปกครองพิเศษ ขาเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องมีประกันสุขภาพ ยินยอมใช้แอพลิเคชั่นติดตามของรัฐ มาตรการนี้ใช้กับการเข้าเมืองทุกทาง ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ ตม. ดูหนังสือเดินทางของชาวต่างประเทศด้วยว่าประเทศก่อนที่จะเข้ามาประเทศไทยประเทศสุดท้ายคืออะไรบ้าง อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศไปแล้ว ก็จำเป็นต้องมีมาตรการให้เหมือนกับ 4 ประเทศ บวก 2 เขตปกครองพิเศษ เพื่อป้องกันการอ้อมเข้าประเทศ โดยไปพักกลางทางมาก่อนแล้วถึงเข้ามา ตม.จะต้องเข้าไปดูพาสปอร์ต ถ้าไปประเทศที่มีความเสี่ยงหรือที่ประกาศไปแล้วก็ต้องมีมาตรการคัดกรอง แล้วแจ้ง มท.จากนั้นเข้าสู่มาตรการกักกัน ถูกคุมไว้สังเกตอาการ 14 วันตามมาตรฐานที่มีอยู่
นายกฯ กล่าวว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง และยังไม่ประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย ขาเข้าต้องมีใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 3 วัน ต้องมีประกันสุขภาพ มีที่พำนักที่สามารถติดต่อได้ในประเทศไทย ยินยอมใช้แอพลิเคชั่นติดตามของรัฐ เรื่องนี้ต้องทำทุกช่องทางทั้งทางบกน้ำอากาศเป็นมาตรการที่ใช้กับการเข้าเมืองทุกทางมาตรการกักกันของรัฐ ถูกคุมไว้สังเกตอาการ 14 วัน
นายกฯ กล่าวว่า ห้ามข้าราชการ พนักงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น และเตือนประชาชนให้งดการเดินทางไปในประเทศซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย และพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง แต่หลายอย่างอาจจะมีความจำเป็นอย่างเช่นการเดินทางไปประชุมก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรัดกุม ส่วนการพัฒนาระบบและกลไกการกักกันผู้ที่เป็นหรือผู้ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น โรคติดต่ออันตราย ณ ที่พำนัก ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 โดยมักฎหมายตัวนี้อยู่แล้ว กำหนดให้ชาวต่างประเทศ รวมทั้งคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้มีการใช้แอพลิเคชั่น ติดตามตัว ซึ่งเรากำลังดำเนินการติดตามตัวทั้งหมดอยู่ในขณะนี้ จัดหาและเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็น ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับรับมือระยะที่ 3 ได้แก่ สถานพยาบาล เตียง หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือ และชุดป้องกันโรคและวันนี้ได้มีการสั่งซื้อเพิ่มเติมจากต่างประเทศและมีการช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า แนะนำให้คนไทยที่พำนักอาศัยในต่างประเทศชะลอการเดินทางกลับประเทศไทยจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศจะดีขึ้น ก็ขอแนะนำถ้าจะกลับมาก็ต้องเจอมาตรการของเราที่เข้มงวด
นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่ด้านเวชภัณฑ์ป้องกัน เร่งผลิตในประเทศและจากต่างประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ โดยเร่งผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยผ้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการป้องกัน เจลและแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ทางกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลังกระทรวงอุตสากรรม ได้ปลดล็อคเพื่อนำเข้าแอลกอฮอล์เหล่านี้มาผลิตเป็นเจลหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นวันละหลายล้านลิตร รวมทั้งภาคเอกชนด้วย วันนี้ได้มีการผลิตเจลเพื่อแจกจ่ายประชาชนบริเวณสถานบริการน้ำมันบางจากและปตท.และขอให้ติดตามต่อไป
ทั้งนี้ ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปใช้หน้ากากผ้าเมื่อเดินทางเข้าสถานที่ชุมนุม ชุมชน และเร่งผลิตหน้ากากผ้าให้เพียงพอ ตัวอย่างที่ตนใส่ นำหน้ากากอนามัยของกลางที่ยึดได้ที่มีการขายออนไลน์ที่ผิดกฎหมายผิดระเบียบหรือกติกาของกระทรวงพาณิชย์ ส่งมาศูนย์ฯ เพื่อกระจายต่อไป ซึ่งเท่าที่จับมาได้ก็มีจำนวนหนึ่งแม้จะมีจำนวนไม่มาก สำรวจความต้องการของเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์(พีพีอี) หน้ากาก N95 และอุปกรณ์ชุดตรวจสอบที่มีความต้องการจำนวนมากขึ้น และประสานกับต่างประเทศในการจัดหาเพิ่มเติมให้เพียงพอ ทั้งการช่วยเหลือและการจัดซื้อขณะนี้ได้เตรียมงบประมาณจัดซื้อไว้เพิ่มเติมแล้วเพื่อรองรับระยะที่ 3 ตรวจสอบการขายทางออนไลน์ การกักตุน และการระบายสินค้า
“วันนี้เรียนว่าในเรื่องของหน้ากากอนามัยได้เข้าไปบริหารจัดการ เข้าไปดูที่ต้นตอมีทั้งเรื่องการกระจาย การทำให้ถูกต้อง เราต้องเคลียร์ให้ชัดเจนในส่วนการส่งออกต่างประเทศก็กำลังเคลียร์ว่าส่งออกไปได้อย่างไร ด้วยกติกาตัวไหนเพราะมันมีทั้งเรื่องการผลิตแล้วขายในประเทศ และการผลิตเพื่อขายต่างประเทศได้ด้วยโดยมีลายเซ็นของต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไข อะไรที่สามารถดึงมาใช้ได้ก็จะดึงออกมาใช้ แต่ก็ต้องมีการเจรจาพูดคุยในเรื่องค่าเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นด้วย ถ้าเขาทำถูกต้องอยู่แล้ว รัฐพยามทำทุกอย่างเพื่อให้ถูกต้องและสำเร็จ วันนี้เรามีคณะกรรมการตรวจสอบก็จะตามไล่ดูในทุกพื้นที่ตั้งแต่โรงงานสถานที่ต่างๆการขนส่งศุลกากรกระทรวงพาณิชย์ กอ.รมน. ตำรวจ ซึ่งผมได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้วภายใต้กรอบของกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ดำเนินการและเกิดความชัดเจน” นายกฯ กล่าว