'ตามหาความจริง' ไปไม่สุด เลี้ยงกระแสรอวันเดือด
กิจกรรมเพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา มีสองเวทีให้ติดตาม
กิจกรรมของคณะก้าวหน้า เน้นหนักในเรื่องการเสวนาหัวข้อ “เลิกวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล จาก The Look of Silence ถึงความเงียบแห่งเดือนพฤษภาคม” เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นการคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต และต้องนำเอาคนผิดมาลงโทษ
แต่ตลอดการเสวนากว่า 2 ชั่วโมงที่นำโดย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ไม่ได้มีกิจกรรมเชิงรุกที่จะเคลื่อนไหวในประเด็นนี้ อย่างเป็นรูปธรรมมากนัก
ผู้อภิปรายจากภาควิชาการ รวมทั้งธนาธร เพียงแต่นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ แม้จะมียอดผู้ชมในเฟซบุ๊คไลฟ์ตัวเลขที่น่าพอใจ แต่ในแง่ของเนื้อหาแล้ว ต้องยอมรับว่ายังไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมเท่าใดนัก
แต่กระนั้น หากจะมองว่าคณะก้าวหน้าก้าวพลาด ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะหากมองด้านหนึ่งแล้ว การพยายามจุดประเด็น “ตามหาความจริง” คณะก้าวหน้าไม่ได้หวังผลแบบไฟไหม้ฟาง แต่หวังผลในลักษณะน้ำซึมบ่อทรายเสียมากกว่า
โดยเมื่อสังเกตเห็นท่วงท่าและเนื้อหาของ “ธนาธร”แล้ว แฝงไว้ด้วยการพยายามต่อท่อ และเลี้ยงกระแส เพื่อสะสมแนวร่วมทางการเมืองอยู่พอสมควร
โดยเฉพาะการระบุว่า “ผมเห็นพลังของนักศึกษาในรอบนี้ที่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีการจัดการผ่านระบบออนไลน์และไม่มีผู้นำที่ขึ้นมาโดดๆเหมือนในอดีต แต่เป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการกระจายตัวไปในหลายพื้นที่”
“ผมเห็นว่าความเดือดร้อนของประชาชนสะสมใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที พบเจอกับคนที่ทนไม่ไหวแล้ว เป็นสิ่งจับต้องได้และรอจังหวะที่มันจะระเบิดออกมา เราไม่ต้องการเห็นประเทศไปสู่ทางตันและการสูญเสียจากการชุมนุมอีก แต่เราปล่อยประเทศไทยที่ไม่มีความยุติธรรมและเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำต่อไปอีกไม่ได้ เราอยู่ในยุคสมัยที่เกิดความเปลี่ยนแปลงได้โดยเรามีเทคโนโลยีที่อดีตไม่มี นี่เป็นโอกาสแห่งยุคสมัยเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ภายใต้การต่อสู้อย่างสันติวิธี” คำปลุกใจจากธนาธร
ต้องไม่ลืมว่า ‘ธนาธร’ เป็นคนมีต้นทุนทางเศรษฐกิจ และทางการเมือง ซึ่งสะสมมาเป็นเวลานานแล้ว นับตั้งแต่ลงสนามการเมืองในสภาและนอกสภา กลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นฐานสำคัญที่พร้อมสนับสนุนธนาธรทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้น
วันนี้สถานการณ์และจังหวะอาจจะยังไม่เป็นใจให้“ธนาธร”นำประชาชนลงถนน เพราะประเทศยังติดพันกับโควิด-19 จึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “พรรคก้าวไกล” ในฐานะพรรคที่สืบทอดจิตวิญญาณของพรรคอนาคตใหม่ เดินหน้าเล่นการเมืองในสภาไปก่อน
แต่ถ้าวันหนึ่ง อากาศแจ่มใสเมื่อไหร่ “คณะก้าวหน้า” เตรียมรองเท้าผ้าใบกับความใจถึง ลงถนนเพื่อพาตัวเองไปอยู่หน้าประวัติศาสตร์การเมือง อย่างแน่นอน โดยมี ‘ธนาธร’ เป็นผู้นำ