ศบค. ดึง 'เศรษฐีต่างชาติ' กักตัวโรงแรมหรู ถกวันนี้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน
ศบค.ผุด "สถานที่กักตัวทางเลือก" รองรับนักท่องเที่ยว-คนไทยคนเดินทางกลับ เงื่อนไขต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง โรงแรมหรู 4 แห่งผ่านประเมิน 6 เกณฑ์
เช็คลิสต์โรงแรมหรู-โรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวรายงาน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ระบุว่ามีโรงแรมที่ผ่านการตรวจประเมินสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine) โดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงกลาโหมแล้ว ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.Movenpick wellness BDMS Resort Hotel จำนวน 100 ห้อง 2.Qiu Hotel สุขุมวิท จำนวน 79 ห้อง 3.The Idle residence จำนวน 64 ห้อง และ 4. Grand Richmond Hotel จำนวน 60 ห้อง รวม 303 ห้อง
ทั้งนี้ โรงแรมที่จะเป็น Alternative State Quarantine นั้นจะต้องผ่านเกณฑ์ประเมินมีองค์ประกอบ 6 หมวด คือ 1.โครงสร้างอาคารวิศวกรรมความปลอดภัยและระบบสื่อสารสารสนเทศ 2.บุคลากร 3.วัสดุ อุปกรณ์สำนักงานและอื่นๆ 4.ยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล 5.การจัดการสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน และ6.โรงพยาบาลคู่สัญญาปฏิบัติการร่วมและความสะดวกสบายเพิ่มเติม
สำหรับกระบวนการตัดสินใจเข้ารับการกักตัวใน Alternative State Quarantine นั้น จะดำเนินการตั้งแต่ต้นทาง โดยมีการลงทะเบียนความต้องการที่ประเทศต้นทางและระบุสถานที่พักในแบบแสดงความจำนง ร่วมกับได้รับคำตอบรับจากสถานที่พักในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงปลายทาง แจ้งใบแสดงความจำนงที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองหรืออู่ตะเภา ต่อไป
ชงขยายพรก.ฉุกเฉิน1เดือน
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. แถลงภายหลังการประชุมพิจารณาการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ที่ประชุมวันนี้ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ทั้งด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ มาร่วมประชุมกำหนดทิศทางการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งที่ประชุมจึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก1 เดือน โตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย. ซึ่งลำดับต่อไปจะนำเรื่องเข้าพิจารณาที่ประชุมศบค.ในวันพรุ่งนี้ หากว่ามีมติเห็นชอบ ก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้าทันที
ส่วนการที่ฝ่ายการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือทางการเมือง พล.อ.สมศักดิ์ ยืนยันว่า ตั้งแต่วันเเรกที่นายกฯ ประกาศใช้ ไม่เคยคำนึกถึงเรื่องการเมือง หรือไม่ได้นำการเมืองมาเกี่ยวข้องเลย ซึ่งใช้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเป็นหลักเท่านั้น แต่ยอมรับว่า อาจมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มในเรื่องของเคอร์ฟิว
“ธนินท์”แนะดึงคนรวยเที่ยวไทย
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)กล่าวในการเสวนาออนไลน์จุฬาฯ ธุรกิจพิชิต Covid-19หัวข้อ “Top CEO Vision for Business Crisis”ว่าการระบาดของโควิด ส่งผลให้ไทยได้ประโยชน์จากการออนไลน์เร็วและมากขึ้น ที่เห็นชัดคือทางด้านการศึกษา
ต่อมา ออนไลน์ให้ประโยชน์ต่อการทำงาน ไม่ต้องเสียเวลาจากการเดินทางเข้าออฟฟิศ ใช้เวลาทำงานได้เต็มที่ มีปริมาณงานมากขึ้น มีเวลามากพอที่จะท่องเที่ยว อยู่กับครอบครัวโดยทำงานไปด้วยในทุกพื้นที่ อีกทั้งงานออนไลน์ดังกล่าวยังสามารถประเมินผลได้ด้วย
นอกจากนี้ภายหลังจากที่โรคโควิด สงบลง คาดว่าทุกคนในโลกจะเกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น จากกระแสของโลกที่ต้องการพบปะ และพบเจอสิ่งใหม่ๆ แต่จะเป็นการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ดังนั้น ไทยในฐานะที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมประเพณี ที่น่าสนใจ ประกอบกับการสาธารณสุขที่รับมือโควิดได้ดีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามหาศาล
การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการท่องเที่ยวดังกล่าว รัฐบาลต้องมีหลักประกันให้ ดูแลเป็นอย่างดี สร้างความมั่นใจ จากข้อได้เปรียบปัจจุบันมีหลายโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เป็นที่ยอมรับของคนรวยระดับเศรษฐีเข้ามาใช้บริการอยู่แล้ว ต่อจากนี้ไป โรงพยาบาลรัฐต้องผลิตบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้อนตลาดเหล่านี้ให้มากขึ้น กำหนดรายได้ให้สูงขึ้น หลังจากนั้นทั้งนักวิจัย การผลิตยารักษาต่างๆ จะเกิดขึ้นตามมา
การที่มีคนรวยเข้ามาในไทย และติดใจอยู่นานหรืออยู่ตลอดไปจะช่วยให้เกิดการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งช่วยดึงนักลงทุนและคนเก่งตามมา คนกลุ่มนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนักศึกษาจบใหม่จะตกงาน โดยส่วนตัวคิดว่าไม่เพียงพอกับความต้องการด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ สถาบันการศึกษา ต้องผลิตนิสิตที่ตรงกับความต้องการของตลาดด้วย
รวมทั้งเมื่อเกิดการลงทุนในไทยจะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก และตามมาด้วยศูนย์กลางการท่องเที่ยว ศูนย์กลางการบริการสาธารณสุขซึ่งรัฐบาลต้องวางแผน และเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แก้ไขกฎหมายและเงื่อนไขการลงทุนที่เป็นอุปสรรค อำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนให้มากที่สุด.