เคส 'ฌอน' สะเทือน ปกครองยกร่างพ.ร.บ. คุมเรี่ยไรเงินฉบับใหม่
ปมเงินบริจาคไฟป่า “ฌอน บูรณะหิรัญ” สะเทือน “กรมการปกครอง” เตรียมยกร่างพ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไรเงินฉบับใหม่ ชี้ใช้ฉบับปี 2487 ล้าหลัง “สรรพากร” เตือน “ฌอน” ต้องแจงเงินทุกบาท ลั่นกรมมีอำนาจตรวจทั้งหมด “ตำรวจ” แจงยังไร้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ
จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นกรมการปกครองตรวจสอบ กรณีนายฌอน บูรณะหิรัญ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโฆษณาขอรับเงินบริจาคระหว่างวันที่ 30 มี.ค. จนถึง 1 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา จากแฟนเพจเพื่อนำมาช่วยดับไฟป่าดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แต่กลับนำเงินบริจาคส่วนหนึ่งมูลค่า 254,516.53 บาท มาใช้ทำสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ตนเองนั้น
นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ทราบเพียงตามสื่อ แต่ข้อเท็จจริงคืออะไรเรายังไม่รู้ว่ามีการรับบริจาคจริง และขอรับบริจาคทางไหน อย่างไร ทั้งต้องดูระเบียบข้อกฎหมายและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ากฎหมายเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องมาดูว่า “คำว่าสาธารณะ” หมายถึงอะไร นอกจากนี้ตนยังไม่เห็นหนังสือของ นายศรีสุวรรณ
อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองกำลังมีความคิดจะยกร่างพ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไรใหม่ให้มีความทันสมัย เพราะกฎหมายฉบับนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2487 ตั้งแต่สมัยยังไม่มีโทรทัศน์ ซึ่งเขาเรียกว่ากฎหมายล้าหลัง ซึ่งเรายังไม่มีการแก้ไขใดๆ ดังนั้นจึงมีการหารือที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้
ขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในหลักการเงินที่ได้รับการบริจาคมา จะต้องมีการทำบันทึกรายรับ รายจ่าย โดยจะต้องนำไปใช้บริจาคตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด จึงจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ เช่นเดียวกับกรณีบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่เปิดบัญชีรับบริจาคอุทกภัยที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม กรมคงไม่ได้เข้าไปตรวจสอบบัญชีรายรับของนายฌอนทันที เป็นหน้าที่ของผู้เสียภาษี ต้องยื่นแบบรายได้ประจำปีให้กรมทราบ ซึ่งรวมทั้งรายได้ส่วนตัวและเงินบริจาคทั้งหมด ต้องชี้แจงได้ว่ามีที่มารายได้และนำไปใช้อย่างไร ซึ่งกรมมีอำนาจสามารถตรวจสอบจำนวนเงินที่เข้าบัญชีได้ทั้งหมด
“รายได้ที่เข้าบัญชี กรมสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรายจ่ายส่วนตัวหรือเงินบริจาคทุกบาท ในหลักการถ้าเป็นเงินบริจาคเข้ามา ก็ต้องนำไปบริจาคทั้งหมด” นายเอกนิติกล่าว
ส่วนกรณีที่นำเงินบริจาคส่วนหนึ่งมาใช้ผลิตสื่อ 2.5 แสนบาท กรมต้องขอไปตรวจสอบก่อนว่าจะเข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีด้วยหรือไม่ เพราะไม่ใช่เป็นการนำเงินไปบริจาคต่อ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวข้างต้นนั้น หากจะเป็นความผิดที่เกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกง ก็จะต้องเป็นการกระทำโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่ 3
โดยในเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีประชาชนหรือผู้ที่ได้รับความเสียหายมาร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับการเปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องไฟป่าแต่อย่างใด
ทั้งนี้หากมีประชาชนหรือมีผู้ที่รับความเสียหายจากการเปิดรับบริจาคดังกล่าว ก็สามารถมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมที่จะทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป โดยจะดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง เกี่ยวกับคำถาม ข้อสงสัยของชาวเน็ต เกี่ยวกับเงินบริจาค เพื่อให้ “ฌอน” ได้ชี้แจง เนื่องจากอ้างว่า ที่ ฌอน ชี้แจงผ่านเพจก่อนหน้านี้ ยังไม่ชัดเจน 1.รับบริจาคมาหนึ่งเดือนเต็ม เข้าบัญชีส่วนตัว ในโพสต์ที่มีคนกดไลค์เป็นแสน คนแชร์ห้าหมื่นกว่า ในฐานะที่ตนก็ทำเพจและมีโพสต์ไวรัลบ่อยๆ ยอดแชร์ระดับนี้ คนเห็นต้องมีขั้นต่ำห้าล้านถึงสิบล้านคน แต่ยอดบริจาคแค่แปดแสนกว่า จริงหรือ
2.ฌอน เปิดรับบริจาค ถือเป็นการเรี่ยไร ระดมทุน จริงๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่สังคมมองผ่านได้ ถ้าเงินนั้นไปถึงคนลำบากจริง แต่มันต้องโปร่งใสชัดเจน และทุกการรับบริจาคแบบนี้ การโชว์ยอด Statement ตั้งแต่วันแรกที่รับบริจาคจนถึงวันสุดท้าย คือสิ่งจำเป็น ฌอนจะมาแค่โชว์ใบสั่งของที่ไม่มีชื่อร้านค้าแค่นี้ได้หรือ
3.ฌอน เปิดรับบริจาคช่วยดับไฟป่า แต่เอาเงินไปช่วยโรงพยาบาล มันคือการใช้เงินบริจาคผิดจุดประสงค์ ไม่มีเงินตรงไหนไปถึงคนดับไฟป่าเลย และตอนบริจาค ฌอนบอกบริจาคหน้ากากไป 30,000 ชิ้น แต่ในใบเสร็จมีแค่ 8,000 หน้ากากอีก 22,000 หายไปไหน และฌอน จะเอาเงินบริจาคจากทุกคนมาบริจาคในนามตัวเองแบบนี้ได้หรือ
4.ฌอนใช้เงินบริจาค สองแสนห้าหมื่นบาท ในการบูสต์โพสต์ในเพจ เพื่อกระตุ้นให้คนเห็นเยอะๆ สุดท้ายยอดผู้ติดตามเพจก็เพิ่มขึ้น คนบริจาคเพียบ ฌอนได้ถามใครหรือยังว่า ทำแบบนี้มันผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย มันคือ Conflict of interest ฌอน เอาเงินที่คนตั้งใจช่วยบริจาค ไปโปรโมตเพจตัวเอง เงิน 2.5 แสนที่หายไป เอาไปซื้อเลื่อยไฟฟ้า อุปกรณ์ดับไฟ ได้เพียบ ทำไมไม่ทำ คิดจะช่วยคน ได้หน้า ได้ภาพลักษณ์ ได้คนติดตาม ไม่ออกสักบาทเลยหรือ
5.พอคนที่บริจาค ไปทวงถาม Statement และการใช้จ่ายหลังรับเงินบริจาคมา ทำไมแอดมินเพจ ฌอน ต้องขอนามบัตรหน้าหลัง ชื่อจริง นามสกุลจริง และหลักฐานแสดงตัวตน ซึ่งไม่น่าจะต้องลำบากขนาดนี้