'อุตตม-สนธิรัตน์' อยู่ต่อ ครม.ประยุทธ์2/2

ด้าน พล.อ.ประวิตร หลบกระแสหลังนั่งหัวหน้า พปชร. “นฤมล” แจงปมถูกวิจารณ์ ไม่เสียความมั่นใจ ขณะที่เลขาฯ พปชร.รับประกันฝีมือผลิตนโยบายรัฐบาล 

หลังจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ ได้ถูกจับตาถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้

โดยคาดว่าต้องรอให้ผ่านพ้นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไปก่อน เนื่องจากต้องการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้มีสมาธิในการชี้แจงข้อมูลใน พ.ร.บ.งบประมาณ ดังนั้นการปรับ ครม.จึงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามแม้ “กลุ่ม 4 กุมาร” ซึ่งประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่มีตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชุดใหม่ แต่คาดการณ์ว่า จะไม่ถูกปรับออกจาก ครม.ทั้งหมด

“กลุ่ม 4 กุมาร อาจจำเป็นต้องอยู่ร่วม ครม. 2-3 คน เนื่องจากต้องทำงานด้านเศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะนายอุตตม มีโอกาสดำรงตำแหน่ง รมว.คลังต่อ เพราะต้องบริหารจัดการโครงการเงินกู้ 4 แสนล้านบาท ที่จะนำมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ที่สำคัญ หากนายอุตตม ยังดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง จะสามารถทำงานตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล และประสานงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ดีกว่า ที่สำคัญ หากมีคนใหม่มาดำรงตำแหน่งแทน การประสานงานอาจจะติดขัด” แหล่งข่าว ในรัฐบาลระบุ

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ในส่วนของนายสนธิรัตน์ อาจยังอยู่ร่วม ครม. เช่นกัน โดยจะดำรงตำแหน่งรมว.พลังงานต่อไป เพราะที่ผ่านมาทำงานตอบสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดี และ พล.อ.ประยุทธ์ ชื่นชอบผลงานส่วนตัวของนายสนธิรัตน์ กระแสขณะนี้ ที่นายสุวิทย์ ถูกคาดหมายว่ามีโอกาสหลุดจากตำแหน่ง รมว.การอุดมศึกษาฯ มากกว่าคนอื่น เนื่องจากต้องนำโควตารัฐมนตรีไปเกลี่ยให้ กรรมการบริหาร พปชร. ชุดใหม่ด้วย

“ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. นายสมคิดได้อธิบายปัจจัยการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลายครั้ง จนเป็นที่ผิดสังเกตว่าได้รับสัญญาณในเชิงบวกมาหรือไม่” แหล่งข่าวระบุ

ทั้งนี้ภายหลังการประชุม ศบค. นายสมคิด ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีผลสำรวจซูเปอร์โพลหนุนรัฐมนตรีทีม 4 กุมาร โดยยิ้มและโบกมือให้ผู้สื่อข่าวเท่านั้น ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล

“บิ๊กป้อม” หลบกระแสหลังขึ้นหน.พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หลังจากวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมใหญ่สามัญพรรค พปชร. มีมติเลือกเป็นหัวหน้าพรรค โดยในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร มีกำหนดการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่1/2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ทีมงานของ พล.อ.ประวิตร แจ้งว่า ขอเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปก่อน โดยจะประชุมในวันที่ 1 ก.ค.และจะไม่เข้าทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน เนื่องจากติดภารกิจ โดยยืนยันว่าไม่ได้ป่วย

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. กล่าวถึงการประชุมพรรคในวันที่ 30 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร จะเข้าประชุมด้วยหรือไม่ ว่า ทราบว่าน่าจะไป ถ้าไม่ติดภารกิจ

“นฤมล” ลั่นเชี่ยวชาญงานเศรษฐกิจ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเหรัญญิกพรรคพปชร. กล่าวชี้แจงกระแสข่าวเตรียมขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ตนอยู่ในทีมเศรษฐกิจมาอยู่แล้วในส่วนของนโยบาย ซึ่งเลขาธิการพรรคฯบอกว่า ให้ตนรับผิดชอบต่อเท่านั้นเอง ดังนั้นคงไม่ได้เรียกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะจะเข้าใจผิดกันไป อย่างไรก็ตามไม่ได้รู้สึกท้อใจที่ก็มีกระแสในทางลบออกมา เพราะมองเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ต้องมีคำวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่นำมาปรับปรุงได้ เราก็จะนำมาปรับปรุง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวระหองระแหงกันระหว่างทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด กับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของพรรคพปชร. นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหากัน ตนยังทักทายและให้ความเคารพท่าน อย่างมากเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ทุกคนตีความไปในลักษณะนั้น

“ส่วนการปรับครม.ด้านเศรษฐกิจ แล้วแต่ท่านนายกฯจะไว้ใจ ซึ่งดิฉันยังไม่เคยพูดถึงเรื่องดังกล่าวกับ ท่านนายกฯเลย คุยแต่เรื่องงาน อย่างเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับงานคมนาคม ท่านจะสนใจแต่เรื่องงานประสัมพันธ์ว่าทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่ยังไม่เคยคุยเรื่องครม.”

เมื่อถามว่า จากเสียงวิจารณ์ทำให้เสียเซลฟ์หรือไม่ นางนฤมล ยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่เสียเซลฟ์”

“เสี่ยแฮงค์” ยันมีข้อมูลช่วยรัฐบาลได้

ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ว่าที่เลขาธิการพรรคพปชร. กล่าวว่า นางนฤมลเป็นคนที่มีความรู้สูงมาก มีข้อมูลอยู่ในมันสมองเยอะมาก ถ้าหากว่าบุคลากรเช่นนี้พรรคได้เอาเข้ามาใช้อย่างถูกวิธี ตนคิดว่าเราจะทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ เราทำงานในลักษณะของการเปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็น โดยเฉพาะปัญหาที่มาจากชนบทและคนรากหญ้า เราจะต้องแก้ไขอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตถ้านางนฤมลจะยกระดับไปเป็นผู้ผลิตนโยบายเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล ต้องขึ้นกับนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า “ถูกต้องครับ พรรคก็คือส่วนของพรรค พรรคเราจำเป็นต้องเป็นตัวขับเคลื่อนตัวหนึ่งในการตอบสนองประชาชนที่เลือกเรามา และยิ่งเราเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลยิ่งต้องนำเสนอสิ่งที่ดีให้กับประชาชน”

ปชป.เคาะประชุมใหญ่19ก.ค.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคาร 100 ปี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช โดยที่ประชุม ได้มีมติกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ซึ่งเลื่อนจากเดิม เดือนเมษายนที่ผ่านมา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้มีมติให้มีการประชุมใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2563 ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น. โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือการรับรองรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญ ปี 2562 พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ในรอบปีที่ผ่านมา และรับรองงบการเงิน ประจำปี 2562

นอกจากนี้จะมีการนำเสนอแผนและโครงการที่จะดำเนินการกิจกรรมสำหรับปีต่อไป ตลอดจนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทางการเมืองและการพัฒนาบุคลากรทางการเมือง โดยที่ประชุมใหญ่ฯ จะมีการเลือกตั้งเหรัญญิกพรรคแทนตำแหน่งเดิมที่มีการลาออก

‘ธนาธร’เยือนใต้ท้าชิงนายกอบจ.

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางลงพื้นที่จ.ภูเก็ต เพื่อพบปะและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับการลงเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคณะก้าวหน้า โดยนายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า การที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ไม่สามารถทำให้ตน และอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทุกคนหยุดการทำงานเพื่อประชาชนได้

“คณะก้าวหน้ายืนยันที่จะส่งผู้สมัครในส่วนของ อบจ.ในภาคใต้อย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นจังหวัดใดบ้างจะมีความคืบหน้าต่อไป เพราะเราเห็นว่ารัฐราชการที่รวบอำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง คือหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดที่ทำให้ทุกพื้นที่ในประเทศไทยขาดการพัฒนา” นายธนาธร กล่าว