พปชร.ดักคอ 'ช่อ' อย่าใช้ประเด็นยิงเลเซอร์ กลบเงินบริจาค 'เมย์เดย์'
"รองโฆษก" พปชร. ดักคอ "ช่อ" อย่าใช้ ประเด็น ยิงเลเซอร์ กลบ เงินบริจาค "เมย์เดย์" เร่งโชว์หลักฐาน พิสูจย์ความโปร่งใส
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึง กรณีที่นางสาวพรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้าออกมาตั้งข้อสังเกตต่อการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องของกิจกรรมพฤษภา 35/53 ความจริงต้องปรากฏที่ทางคณะก้าวหน้าเป็นผู้จัดขึ้นนั้น
แสดงให้เห็นว่า เป็นข้อสังเกตที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย ไม่มีสติและขาดเหตุผล หยุมหยิมงอแงในเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็น พยายามบิดเบือนว่าการกระทำดังกล่าว เป็นเสรีภาพของกลุ่มศิลปินที่แสดงออกและรัฐต้องการลิดรอนเสรีภาพ ทั้งที่ความจริงคือศิลปินและผู้เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมภายใต้การจัดการจัดจ้างของคณะก้าวหน้า และกิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย
“น.ส. พรรณิการ์และคณะก้าวหน้าได้ออกมายอมรับต่างกรรมต่างวาระเองว่า เป็นผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมดังกล่าว ดังนั้นการแสดงออกของศิลปินเป็นการสร้างสรรค์ที่อยู่ภายใต้การจัดการจัดจ้างของคณะก้าวหน้า คณะก้าวหน้าอาจเข้าข่ายเป็นตัวการในการกระทำความผิดนี้ ซึ่งการที่ น.ส. พรรณิการ์ ประกาศว่า คณะก้าวหน้าจะช่วยเหลือผู้ที่ถูกหมายเรียกทุกคนนั้น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของน้ำใจในการแสดงความรับผิดชอบตามที่ น.ส. พรรณิการ์กล่าวอ้างใช่หรือไม่ " รองโฆษก พปชร. กล่างและว่า
สิ่งที่ต้องตระหนักว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่คณะก้าวหน้ามีหน้าที่ต้องทำในฐานะตัวการผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด บุคคลทั้งหมดที่ถูกหมายเรียกใน “ฐานะพยาน” อาจเป็นเพราะดำเนินกิจกรรมตามที่ ”คณะก้าวหน้าริเริ่ม” จัดขึ้น และกิจกรรมดังกล่าวก็เป็นกิจกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย นี่เป็นข้อเท็จจริงที่อาจกำลังถูกบิดเบือนสู่สังคม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากการตั้งข้อสังเกตของ น.ส.พรรณิการ์ ว่าหมายเรียกใช้เวลาเกือบ 2 เดือนและออกมาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ก่อนจะมีการจัดกิจกรรมการฉาย hologram ของกลุ่มนักกิจกรรมฟื้นฟูประชาธิปไตยนั้น เป็นการตั้งข้อสังเกตที่หยุมหยิม คล้ายจุกจิกแบบผู้หญิงไร้เหตุผลที่เอาแต่ใจตนเองหรือไม่ เพราะหากเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกเร็ว ก็จะถูกตั้งแง่ว่ารีบร้อนทำคดี มีใบสั่ง กลั่นแกล้งโยนคดีให้ พอเจ้าหน้าที่ใช้เวลาดำเนินการเกือบ 2 เดือนเพื่อความรอบคอบรัดกุมในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไม่ให้รบกวนสิทธิ ก็กลับถูกติติงว่าช้าและอาจจงใจขัดขวางการฉาย hologram เข้าข่าย “เร็วก็ว่าช้าก็บ่น”
สำหรับที่ น.ส. พรรณิการ์ กล่าวอ้างลอยๆ ให้สัมภาษณ์โดยไม่มีพยานหลักฐานว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องโดนตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าตรวจสอบและคุกคามถึงบ้านโดยที่ไม่ได้ตั้งข้อหาว่าทำผิดอะไรนั้น อาจเป็นการตั้งแง่งอแง หลงเข้าใจผิดไปเองของน.ส.พรรณิการ์ ทั้งนี้หากมีการคุกคามจริง ผู้ถูกคุกคามสามารถร้องเรียนพร้อมพยานหลักฐานได้ตามกระบวนการทางกฎหมาย
ดังนั้นหลายๆเรื่องที่ผ่านมา เมื่อทราบเหตุผลและข้อมูล ความรู้ทางกฎหมายแล้ว น.ส.พรรณิการ์ควรหลีกเลี่ยงการแสดงข้อสังเกตที่อาจมีความอคติ เอาแต่ใจตน กล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐาน ส่อไปในทางบิดเบือน และดำเนินการรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อผู้ที่ถูกหมายเรียกที่กระทำกิจกรรมที่อาจฝ่าฝืนกฎหมายโดยมีคณะก้าวหน้าเป็นตัวการ ริเริ่มจัดการจัดจ้างบุคคลดังกล่าว และนอกจากนี้ ควรรีบดำเนินการแสดง “หลักฐานพิสูจน์” ความโปร่งใสของรายรับรายจ่ายกิจกรรม “เมย์เดย์” ด้วย ว่าเงินบริจาคอยู่ตรงไหนอย่างไร ไม่ควรปล่อยให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่านำเรื่องใหม่มากลบเรื่องเก่า