63คลินิกชุมชน ส่อซ้ำรอยทุจริต สอบย้อนหลัง4ปี-ออกกฎป้องกัน

63คลินิกชุมชน ส่อซ้ำรอยทุจริต สอบย้อนหลัง4ปี-ออกกฎป้องกัน

สปสช. เร่งสอบคลินิกชุมชนอบอุ่น 63 แห่ง ส่อซ้ำรอยทุจริต 18 คลินิกเบิกงบบัตรทองเกิน ลุยสอบย้อนหลัง 4 ปี พร้อมวางรูปแบบป้องกันทุจริตในอนาคต

 “อนุทิน” ยอมรับพบการปลอมแปลงเอกสารเบิกเงิน ไม่ดูแลประชาชนจริง ลั่นพร้อมเอาผิดอาญา-แพ่ง เพิกถอนการเป็นสถานพยาบาล 

จากกรณีที่มีการตรวจพบคลินิกชุมชนอบอุ่น 18 แห่ง มีการทุจริตเบิกงบประมาณคัดกรองโรคจากกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง เป็นเงินประมาณ 72 ล้านบาท และมีการขยายผลตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง โดยพบ 63 แห่ง ที่เข้าข่ายผิดปกติเป็นเงินราว 2.4 ล้านบาท

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (รมว.สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ในที่ประชุมบอร์ด สปสช.เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รายงานว่า มีการสอบขยายผลคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. 86 แห่ง พบการมีการปลอมแปลงเอกสารการเบิกเงินจาก สปสช. แต่ไม่มีการดูแลประชาชนจริง 63 แห่ง 

"เรื่องนี้ถือว่าเป็นการทุจริตชัดเจน ที่ประชุมจึงได้มีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบว่าปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เรื่องการเบิกจ่ายเงินต้องมีการแก้ไขปรับปรุงอะไรหรือไม่ เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก ตรวจสอบว่ายังมีบิลปลอมอีกหรือไม่ ตอนนี้เรื่องเงินนั้นถือว่ายังไม่เสียหาย แม้ว่าหลายที่ยังไม่จ่ายคืน สปสช. แต่ยืนยันเอาผิดเต็มที่ทั้งทางแพ่ง อาญา เพิกถอนการเป็นสถานพยาบาล และถ้ามีแพทย์ พยาบาล ที่เกี่ยวข้องก็เอาผิดหมด รวมถึงการเอาผิดด้านจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย” นายอนุทินกล่าว

     ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) มีการแถลงข่าว “การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกชุมชนอบอุ่นทุจริตเบิกงบประมาณคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง” โดย นพ.ศักดิ์ ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสปสช. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. และนพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผอ.สปสช.เขต 13 กทม.

ตรวจสอบย้อนหลังถึงปี 59

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การตรวจสอบพบ 18 คลินิก เบิกงบบัตรทองเกิน ตามที่เป็นข่าวไปนั้นมาจากการตรวจสอบของทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เนื่องจากมีระบบตรวจสอบ และเราตรวจสอบพบตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค.2562 ซึ่งตรงกับช่วงปีงบประมาณ 2562 ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2561- 30 ก.ย.2562 ซึ่งก็เป็นไปตามกระบวนการ จนพบว่าเกิดความผิดปกติ 

ไม่เพียงแต่ 18 แห่งเท่านั้น สปสช.ยังขยายผลเพิ่มตรวจพบอีก 63 แห่งที่เข้าข่ายผิดปกติ แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า จะมีการดำเนินการผิดเหมือน 18 แห่งหรือไม่ ขณะเดียวกันจะมีการตรวจย้อนหลังไปจนถึงช่วงปี 2559 เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น

ยกเลิกสัญญาคลินิก 18 แห่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีอดีตผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขโพสต์ข้อความว่า ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เนื่องจากอาจเชื่อมโยงกับอดีตผู้บริหาร สปสช. หรือไม่ หรืออาจมีบริษัทรับจ้างตรวจสุขภาพทำข้อมูลเท็จ เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ไม่ต้องกังวล ขณะนี้มีการตรวจสอบทั้งหมด และเจ้าหน้าที่กองปราบปรามฯ กำลังดำเนินการเรื่องนี้ 

อย่างไรก็ตาม ได้ยกเลิกสัญญาคลินิก 18 แห่งจากการเป็นหน่วยบริการ แต่ยังคงเปิดบริการได้จนกว่าจะรอทางกฎหมาย ซึ่งระหว่างนี้ผู้ใช้บริการยังคงใช้ได้เหมือนเดิม เพื่อลดผลกระทบ จนกว่าเราจะหาหน่วยบริการใหม่และจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการของ 18 คลินิกแล้ว ซึ่งจะมีประชาชนที่รับบริการใน 18 แห่ง จำนวน 215,271 คน โดยเป็นผู้ป่วยเรื้อรังประมาณ 1 หมื่นกว่าคน ซึ่งยังรับยาต่อเนื่อง ได้ที่คลินิกดังกล่าวก่อน และทางคลินิกก็ยังทำเรื่องเบิกกับทาง สปสช.ได้ เพียงแต่ระหว่างนี้ ทาง สปสช.กำลังเจรจากับทางหน่วยบริการอื่นๆ เพื่อรองรับประชาชนในการย้ายหน่วยบริการ 

หากดำเนินการเสร็จ จะแจ้งทาง SMS หรือหากประชาชนสนใจ ว่าเป็นพื้นที่ของตนหรือไม่ ให้โทรสอบถามได้ทางสายด่วน 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอพพลิเคชั่นของ สปสช. ชื่อ “สปสช. สร้างสุข” โดยสามารถตรวจสอบสิทธิกรณีได้ภายใน 1-2 วัน

วางรูปแบบป้องกันทุจริตในอนาคต

ด้าน นพ.การุณย์ กล่าวว่า สำหรับคลินิก 63 แห่ง ที่พบการเบิกจ่ายเงินผิดปกติจำนวน 2.4 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบรายละเอียดว่า มีเจตนาเหมือนกรณี 18 คลินิกหรือไม่ ซึ่งก็ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แม้ที่ผ่านมาสปสช. จะมีระบบคัดกรองก่อนการจ่ายเงินให้หน่วยบริการหลายขั้นตอน แต่เมื่อผู้มีเจตนาต้องการทำข้อมูลปลอม ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น 

สิ่งสำคัญขณะนี้ ได้วางรูปแบบป้องกันในอนาคต ด้วยการจัดระบบพิสูจน์ตัวตนของผู้รับบริการ หรือที่เรียกว่า Smart card reader โดยก่อนรับบริการให้เสียบบัตรประชาชนเข้าระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า มีการใช้บริการจริง เบื้องต้นได้ลงนามร่วมมือกับทางธนาคารกรุงไทย และ รพ.ศิริราช ก่อนจะขยายต่อไป ปัจจุบันคลินิกชุมชนอบอุ่นมีประมาณ 200 กว่าแห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ กทม.190 แห่ง และพื้นที่ปริมณฑลอีก 30-40 แห่ง