ปลดล็อกเฟส 6 รับต่างชาติ ลุ้น ศบค. ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ปลดล็อกเฟส 6 รับต่างชาติ ลุ้น ศบค. ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ศบค. เคาะคลายล็อกเฟส 6 -ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินวันที่ 22 ก.ค.นี้ เผย 4 กลุ่มต่างชาติเข้าประเทศ “แสดงสินค้า-ถ่ายหนัง-รักษาพยาบาล-แรงงานต่างด้าว” นพ.ทวีศิลป์เผยผลตรวจกลุ่มเสี่ยงระยอง-คอนโดฯ กทม. “ยังไม่พบเชื้อ”

ความคืบหน้าการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ที่กำลังจะเข้าสู่การคลายล็อกเฟส 6 วานนี้ (20 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ศบค. โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019และเลขาธิการธิการสภาความมั่นคงเห่งชาติ (สมช.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยพล.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า นอกจากที่ประชุมจะพิจารณาคลายล็อกเฟส6แล้วจะมีการหารือเรื่องการต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค.นี้ด้วย

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผบ.ทบ. เปิดเผยว่าการประชุมวันนี้จะมีการหารือการคลายล็อกเฟส6ได้แก่แรงงานต่างด้าวที่จะต้องเข้ามาทำงานในไทยเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้ากองถ่ายภาพยนตร์ต่างชาติและนักท่องเที่ยวบางกลุ่มโดยเฉพาะ Medical and Wellness Program

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการปลดล็อกเฟส6ว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19)จะประชุมกันในวันเดียวกันนี้เพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 22 ก.ค.นี้

เมื่อถามว่าหากจะคลายล็อกในช่วงเวลานี้บรรยากาศจะดีขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ทราบต้องมีการประเมินกันก่อนซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประเมินกันมาตลอด 20 กว่าวันแล้ว

เปิด4กลุ่มต่างชาติเข้าประเทศ

วันเดียวกันนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวถึงการผ่อนคลายระยะที่ 6 คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พิจารณาจะอนุญาต 4 กลุ่ม คือ 1.ต่างชาติจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร โดยเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มาก เข้ามาในวัน เวลาที่กำหนด

2.อนุญาตต่างชาติถ่ายทำภาพยนตร์ โดยมีตารางกำหนดแผน วัน และเวลา สามารถควบคุมได้ 3.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่จะเข้ามา เป็นแรงงาน เนื่องจากนี้เราขาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหาร และการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องใช้คนจำนวนมาก

จึงต้องเปิดให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน และ 4.กลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาล เช่น เสริมความงาม และปรึกษาเรื่องการมีบุตร เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่เข้ามาจะต้องอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ 14 วันหรือกักตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯเตรียมเสนอที่ประชุมใหญ่ ศบค.พิจารณาในวันที่ 22 ก.ค.นี้

กรณีการอนุญาตชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม ให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยนั้นประกอบด้วย 1. กลุ่มของชาวต่างชาติเพื่อการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร 2. อนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์ในราชอาณาจักร 3. กลุ่มแรงงาน 3 สัญชาติ และ 4. กลุ่ม Medical Wellness โดยกลุ่มดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเข้าพื้นที่สถานกักกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน

ขณะที่ ในส่วนของพื้นที่ได้มีการจัดหาเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอรองรับสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ

กลุ่มเสี่ยงระยอง-กทม.ไม่พบเชื้อ

ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 รายเป็นชายไทยอายุ 52 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า เดินทางจากประเทศสิงคโปร์รวมยอดสะสม 3,250 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ เสียชีวิตรวม 58 ราย รักษาหาย 3,096 ราย รักษาตัวอยู่ 96 ราย

สำหรับ ผลการสอบสวนกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิดโดยมีประวัติเดินทางไปในจ.ระยอง โดยมีการตรวจกลุ่มเสี่ยงจำนวนน 6,501 ราย ไม่พบเชื้อ 6,287 ราย รอผล 214 ราย ส่วนกรณีบุตรสาวอุปทูตซูดาน มีการตรวจกลุ่มเสี่ยงจำนวน 364 ราย ผลไม่พบเชื้อ รวมทั้ง 2 พื้นที่จำนวน 6,865 ราย ผลไม่พบเชื้อ 6,651 ราย รอผล 214 ราย

ส่วนสถานการณ์ ทั่วโลกล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,641,819 ราย อาการรุนแรง 59,819 ราย รักษาหายแล้ว 8,735,158 ราย เสียชีวิต 608,902 รายอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 3,898,550 ราย 2. บราซิล จำนวน 2,099,896 ราย 3. อินเดีย จำนวน 1,118,107 ราย 4. รัสเซีย จำนวน 771,546 ราย 5. แอฟริกาใต้ จำนวน 364,328 ราย

นิวยอร์คไทม์ชมไทยรับมือโควิด

โฆษกศบค.ยังกล่าวถึง กรณีนิวยอร์คไทม์ได้เผยแพร่บทความตั้งคำถามถึงกรณีประเทศไทยว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมที่ไม่กอดการสวมหน้ากากอนามัยหรืออะไรกันแน่ที่ทำให้การรับมือออกมาดีหรือIt's Workingทันทีที่บทความนี้เผยแพร่ออกไปก็สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นและได้ผลจริงนั้นตนได้ข้อสรุปว่าสาเหตุที่มารับมือกับโควิด-19ได้ผลเพราะคนไทยทุกคนใส่หน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างมีวัฒนธรรมการไหว้เคารพซึ่งกันและกัน

นอกจากนั้น คนไทยยังมีความไว้เนื้อเชื่อใจเชื่อฟังกันในภาวะวิกฤติทั้งหมดอยู่ในตัวคนไทยทุกคนที่ทำให้ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์

ผู้ตรวจเรียกศบค.ชี้แจงปมรับวีไอพี

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากกรณีปัญหาทหารอียิปต์และครอบครัวของอุปทูตซูดาน ติดเชื้อโควิค 19 เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก จนทำให้ศบค.ต้องปรับปรุงการทำงานของตนเอง ดังนั้นในสัปดาห์หน้า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเชิญตัวแทนจากศบค. , กระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้มาชี้แจงว่าได้มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การทำงานอย่างไรบ้างหลังเกิดปัญหา

ซึ่งหากพบว่ายังมีช่องโหว่ในการปฏิบัติหน้าที่และขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะนำเสนอข้อแนะนำส่งตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ต่อไป ทั้งนี้ บทเรียนที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของรัฐบาล ซึ่งก็ถือว่าเป็นโทษหนักที่สุดที่รัฐบาลได้รับแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องลงโทษทางอาญา หรือทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จากนี้ต้องปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต

ยืนยันว่าการจัดประชุมดังกล่าวไม่ทำให้รัฐบาลรู้สึกกดดันว่าถูกจับผิด แต่ในทางตรงข้ามน่าจะสบายใจมากขึ้นว่ามีองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมาตรวจสอบว่ามาตรการป้องกันที่รัฐบาลทำนั้นครบถ้วนหรือไม่เท่านั้น