เร่งฟื้นความเชื่อมั่น ประเทศต้องเดินหน้าต่อ 

ท่ามกลางวิกฤติที่รายล้อมประเทศไทย ทั้งวิกฤติจากภายนอก และภายในประเทศ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดต่ำลงมาก ผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงรายใหญ่ ต่างตกอยู่ในภาวะเดียวกัน คือ ความหวั่นวิตกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบถึงการจ้างงาน การปิดกิจการ โดยเฉพาะความไม่มั่นใจว่าควรจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางไหน

ผลพวงสำคัญเกิดจากโรคระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปง่ายๆ เพราะทั่วโลกยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากมายเพิ่มขึ้นทุกวัน อย่างล่าสุดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมียนมาอยู่ขั้นวิกฤติ พบผู้ติดเชื้อวันเดียวสูงสุดถึง 1,052 คน ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 155 ราย แซงหน้ามาเลเซีย ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รัฐบาลเมียนมาจึงตัดสินใจขยายเวลาห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าประเทศไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2563

ขณะที่ก่อนหน้านี้ประเทศอังกฤษก็เพิ่งประกาศมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อสกัดการระบาดโควิด-19 ระลอกสอง เช่น ห้ามชุมนุมเกิน 6 คน โดยใช้เป็นข้อบังคับทั้งในกลางแจ้งและในร่ม แต่มีกรณีที่ยกเว้นได้แต่มีเงื่อนไข เช่น งานแต่งงานจำกัดผู้เข้าร่วมพิธีได้ทั้งสิ้น 15 คน และงานศพ 30 คน การแข่งขันกีฬาในภาคของประชาชน สามารถเล่นได้ทีมละไม่เกิน 6 คน โดยผู้ใดที่มีการฝ่าฝืน จะมีการสั่งปรับคนละ 200 ปอนด์ หรือประมาณ 8,000 บาท 

การระบาดของโรคโควิด-19 ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะการอุบัติของโรคติดต่อใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ ดังที่เราได้เห็นในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาที่มีโรคร้ายแรงคร่าชีวิตประชากรโลกอยู่เป็นประจำ ขณะที่ทุกวันนี้โลกอยู่ได้ด้วยความแตกต่างหลากหลายของแต่ละประเทศ การค้าการขายเกิดขึ้นจากความถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยของเราต้องอาศัยเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวของประเทศอื่นๆ เป็นหลัก รวมไปถึงอุตสาหกรรมก็อาศัยการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเช่นกัน หากประเทศหนึ่งประเทศใดล้มลงย่อมส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

ในประเทศไทย แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่คุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุดประเทศหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ 100% เพราะเมื่อรอบนอกประเทศยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในแต่ละวันที่สูงลิ่ว เราจึงไม่สามารถประมาทได้ การพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ทางรัฐบาลกำลังหารือ จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและมีมาตรการที่รัดกุม แม้เราจะต้องการรายได้จากท่องเที่ยวคืนกลับมามากแค่ไหนก็ตาม เป็นเรื่องที่รัฐบาลและทุกภาคส่วน ต้องผนึกกำลังร่วมมือ เร่งฟื้นความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ อย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซ่อมแซม เสริมสร้าง โดยเฉพาะการสร้างความคล่องตัวในการทำธุรกิจ เพราะประเทศคงไม่สามารถรอให้การระบาดของโรคโควิด-19 ยุติลงได้ หากแต่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประเทศ และเศรษฐกิจเดินหน้าได้ต่ออย่างรัดกุม ไม่รั้งท้าย และเหลือแผลที่บอบช้ำให้น้อยที่สุด