ก้าวที่พลาดของ 'ประยุทธ์'
จุดเปลี่ยนทำให้ 'กลุ่มราษฎร' เติบโตอย่างรวดเร็ว คือการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เข้าควบคุมการชุมนุม โดยเฉพาะการสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน
การชุมนุมของ “กลุ่มราษฎร” ไม่มีหัวขบวน ไม่ต้องมีแกนนำ ชูสโลแกน “ทุกคนคือแกนนำ” เพียงแค่โพสต์นัดหมายสถานที่การชุมนุม “มวลชน” ก็พรึ่บเต็มพื้นที่
สร้างแรงกดดันให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ต้องคิดเยอะ-คิดลึก ว่าจะแก้เกมอย่างไร
เพราะยากที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะลงจากหลังเสือตามข้อเรียกร้องของ “กลุ่มราษฎร 63” เมื่อไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องแรกได้ ข้อเรียกร้องที่เหลือแทบจะต้องตัดทิ้งไปเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
แน่นอนว่าทุกองคาพยพของอำนาจรัฐ ยังคอยแบ็คอัพให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไม่ได้ อาจจะสะเทือนขุมอำนาจเบื้องหลัง
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “กลุ่มราษฎร” จุดติดมากยิ่งขึ้น หนีไม่พ้นการบังคับใช้กฏหมายแบบยาแรง ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เข้าควบคุมการชุมนุมในคืนวันที่ 14 ต.ค. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 15 ต.ค. กลับเป็นยาเร่งให้ม็อบโตอย่างรวดเร็ว
และจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากที่สุดคือปฏิบัติการสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน ภาพการใช้กำลังเข้าปราบปรามถูกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความโกรธแค้นให้ยิ่งทวีคูณ
ภาพกลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันบริเวณ 5 แยกลาดพร้าว วงเวียนใหญ่ แยกอุดมสุข เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกำลังตำรวจไม่สามารถรับมือได้ มีเพียงทางเดียวคือปล่อยให้การชุมนุมดำเนินต่อไป
ชั่วโมงนี้ยากที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะขวางไม่ให้เกิดการชุมนุมขึ้นได้ และยากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล้าใช่กำลังสลายการชุมนุมอีก ยุทธวิธีที่ใช้การไล่จับ “แกนนำ” ในจุดต่างๆ มาดำเนินคดี
จากนี้ไป ต้องวัดใจกันว่า “พล.อ.ประยุทธ์-องคาพยพ” กับ “กลุ่มราษฎร” ใครจะอึด ใครจะทน ได้มากกว่ากัน เพราะการชุมนุมนัดเย็น ค่ำกลับ ยากที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้