ราชกิจจาฯ ประกาศระเบียบเงินสวัสดิการศึกษาบุตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ราชกิจาฯ ประกาศระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.63 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเผยแพร่ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2563
โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาของบุตรพนักงานส่วนท้องถิ่น ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 75 (3) และมาตรา 76 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2550 มาตรา 69 และมาตรา 77 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2505 มาตรา 5 มาตรา 85 และมาตรา 84 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสภาตําบลและองค์การบริหารส่วนตําบล พ.ศ. 2537 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับ การศึกษาบุตรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2563
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิก
(1) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรพนักงาน ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553
(2) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสติการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรพนักงาน ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
(3) ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรพนักงาน ส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559
ข้อ 4 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คําสั่ง หรือหนังสือสั่งการอื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ 5 ในระเบียบนี้
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตําบล
“ ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนตําบล
“ พนักงานส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พนักงานเทศบาล และพนักงานส่วนตําบล
“บุตร” หมายความว่า บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุครบสามปีแต่ไม่เกินยี่สิบห้าปี ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรม และบุตรซึ่งบิดามารดาได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น
“ผู้มีสิทธิ” หมายความว่า
(1) พนักงานส่วนท้องถิ่น หรือลูกจ้างประจํา ซึ่งได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างประจําจากเงิน งบประมาณรายจ่าย งบบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรร ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ไม่หมายความรวมถึงพนักงานจ้าง
(2) ผู้ได้รับบํานาญปกติ หรือผู้ได้รับบํานาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ ตามกฎหมายว่าด้วย บําเหน็จบํานาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
(3) ผู้บริหารท้องถิ่น
ข้อ 6 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณรายจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร ไว้ในหมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ประเภทเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตร
ข้อ 7 การเบิกจ่ายเงินสวัสติการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรให้นําหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ประเภท และอัตราตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร รวมทั้งระเบียบ ประกาศ หรือหนังสือสั่งการ สําหรับข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับ โดยอนุโลม
กรณีหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง หากกําหนดให้ต้องขอทําความตกลงกับกระทรวงการคลัง ก่อนดําเนินการหรือเบิกจ่ายเงิน หรือมีความจําเป็นต้องปฏิบัตินอกเหนือจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้หมายความถึงกระทรวงมหาดไทยแทน
การเบิกจ่ายเงิน และหลักฐานการจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ และวิธีการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่าย การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข้อ 8 ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการตามระเบียบนี้เป็นผู้รับรองการมีสิทธิด้วยตนเอง
ข้อ 9 การเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร ให้ผู้มีสิทธิยื่นคําขอรับเงิน ค่าการศึกษาบุตรตามแบบแนบท้ายระเบียบนี้ พร้อมด้วยหลักฐานที่ออกโดยสถานศึกษา ต่อผู้บังคับบัญชา และผู้บริหารท้องถิ่น ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้นสังกัด หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขอรับบํานาญ ตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
ข้อ 10 การดําเนินการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตรคนใดที่ได้ยื่นไว้ก่อนวันที่ ระเบียบนี้ใช้บังคับ แต่ยังดําเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่าได้ยื่นไว้ตามระเบียบนี้
ข้อ 11 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอํานาจตีความ วินิจฉัย ปัญหาในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ กําหนดหลักเกณฑ์ และกําหนดวิธีปฏิบัติเพื่อดําเนินการให้เป็นไป ตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2563
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย